คัดลอก URL แล้ว
‘อนุทิน’​ เปิดนโยบาย​เอาใจ​ อสม.​ -​อสส.

‘อนุทิน’​ เปิดนโยบาย​เอาใจ​ อสม.​ -​อสส.

KEY :

วันนี้ (17 เม.ย.66) นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข​ ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย​ พร้อมด้วย​ นาย​ศุภชัย​ ใจ​สมุทร​ นายทะเบียนพรรค​ นายจำรัส คำรอด​ ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ​ และ นางสาวเรวดี​ รัศมีทัต ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ​ แถลงเปิดนโยบาย การพัฒนาและสวัสดิการ อสม.​และ อสส.​ โดยระบุว่า​ ตนเป็นหัวหน้าพรรคเพียงคนเดียวที่ส่วนหนึ่งของ อสม.​ โดยตนเป็นอาสาสมัครในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์​ ทำหน้าที่ อสม.ในหลายบทบาท​ พร้อมยอมรับว่าตนนั้นไม่เก่ง​ และไม่ชำนาญเท่า อสม.หลาย ๆ​ แต่ตนก็อาสาขนส่งอวัยวะ​สำหรับผู้ป่วย​

นายอนุทิน​ กล่าวว่า​ หากพรรคภูมิใจ​ไทย​ลงเลือกตั้งเที่ยวนี้มีอีกหลายอย่างที่สาธารณ​สุขไทยต้องมี​ ต้องเพิ่มบทบาท อสม. ขึ้นมา​ โดยมองว่าคงไม่มีใครถ่ายทอดประสบการณ์​ของ อสม.ได้ดี​ เท่าการที่ อสม. สมัครเป็นผู้แทนพรรคภูมิใจ​ไทย​ ทำให้เจตนารมณ์​พรรคเป็นไปได้อย่างราบรื่น​ และเป็นสัญลักษณ์​ถ่ายทอดความต้องการให้คนเข้ามาบริหาร​ประเทศ​ ทำนโยบายต่าง ๆ ให้เกิดความสำเร็จ​ มีความตั้งใจให้ความเป็น อสม.นั้นสำคัญ​ ​เพิ่มระบบสุขภาพของคนไทยทุกคน​ ทำให้ความแออัดในโรงพยาบาลลดน้อยลง​ เพิ่มประสิทธิภาพ​ในการรักษาพยาบาลมากขึ้น​

นอกจากนี้นายอนุทิน​ ยังระบุ​ ได้มีการผลักดันเรื่องค่าตอบแทนของอสม.เข้าร่างพรบ.งบประมาณ​ 2567​ เพื่อเพิ่มเป็นเดือนละ​ 2,000 บาท ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เป็นสิ่งที่มั่น​คงถาวร​ หลายคนออกมาพูดว่าทำไมไม่ให้เยอะ ๆ​ พูดได้​ แต่ทำไม่ได้​ พูดแล้วทำไม่ได้​ ภูมิใจไทยไม่ทำ​

ขณะที่กองทุนฌาปนกิจ​สงเคราะห์​ นายอนุทินกล่าวว่า กรณี​ที่ อสม. กลับบ้านเก่าจะมีมรดกให้ลูกหลานได้ถึง​ 5 แสนบาท​ มั่นใจว่าต่อให้ในอนาคตเป็นอย่างไร​ อสม.ก็จะได้รับอานิสงส์​ที่ทำมา​ โดยเงินในกองทุนฌาปณกิจ​ยืนยันว่าไม่กระทบกระเป๋าเงินของ อสม.แน่นอน​ เนื่องจากเป็นการหยอด​เงินเดือนละ 400 -​500 บาท​ ซึ่งอยู่ในวงเงินที่ได้ค่าตอบแทนกลับคืนมา​ เป็นการวางแผนในอนาคต​ ซึ่งไม่ใช่เงินของรัฐ​ แต่เป็นเงินพวกท่าน​เอง

โดยนายอนุทิน​ ยืนยันว่า​ การขึ้นค่าตอบเเทนให้ อสม.​ไม่ใช่เพราะเป็นช่วงการเลือกตั้ง​ แต่มีเหตุมีผล​ ที่หากไม่ทำด้วยใจ​ ทำไม่ได้​ และหากจะทำด้วยการต้องการหาเสียงก็ไม่​ได้​เช่นกัน แต่มองว่าคุณภาพชีวิตของ อสม.ต้องดีขึ้น​ อสม.จึงกล้าเสี่ยงเข้าไปดูแลคนป่วย​

ขณะที่การที่ประธานชมรม อสม.​ มาเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจ​ไทย​ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า พรรคการเมืองพรรคนี้ได้ต่อยอดดูแลสิ่งที่เป็นประโยชน์​ให้อสม.​ สะท้อนคุณภาพชีวิตของอสม.​ และหาก สภาฯมี อสม.​ เข้าไป​ ก็จะมีความหมายและความสำคัญ​ พร้อมกับยังกล่าวติดตลกว่า​ หาก อสม.เลือกภูมิใจ​ไทย​ ล้านคน​ ผมคงไม่ต้องหาเเสียงแล้ว​ คนในบ้านเลือกทั้งหมดก็เข้าเป้าเเล้ว

ขณะที่นโยบายการพัฒนาและสวัสดิการ อสม.​และ อสส.​ เสนอสิทธิประโยชน์ต่างๆของ อสม.พึงมี เสนอให้มีกฎหมายสถาบันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติเพื่อส่งเสริมสุขภาพภาคประชาชน โดยใช้งบประมาณจากภาษีบาป​ เหล้า​ บุหรี่​ ผลักดันมีสภาพเป็นสถาบัน​

นอกจากนี้ยังมีการเสนอเพิ่มค่าตอบแทน อสม. 2,000 บาท ซึ่งยังไม่ได้พูด​แต่ทำไปแล้ว​ และนี่เป็นเครดิตของคณะรัฐมนตรีทุกคนที่ให้การสนับสนุน พร้อมกับยังมีการผลักดันให้ อสม.​ เมื่อเจ็บป่วยมีประกันชดเชยรายได้​ ไม่น้อยกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ​ และมีห้องพักในโรงพยาบาล เจ็บป่วยมีห้องพักฟรี​ ค่าอาหารฟรี​ เพื่อเพิ่มศักยภาพของอสม.เพิ่มมากขึ้น​ แต่สิ่งที่สำคัญอีกคือเรื่องหนึ่งคือหากมีสถาบันเกิดขึ้น​

รวมไปถึงยังมีการออกโครงการในส่วนของ อสม. เป็นสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์​ ถือใบมูลค่า 500,000 บาท​ ไว้อยู่แล้ว โดยมีการคิดต่อไปว่าหากมีกฎหมายที่ดูแลมีสถาบัน อสม. มีหน่วยงานกลางที่คอยดูแลก็น่าจะใช้หลักเดียวกันได้ว่า อสม. สามารถใช้สิทธิ์ของการเป็นสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์ 500,000 บาท​ ในการกู้ยืม โดยพรรคภูมิใจไทยจะให้เป็นเงินยืมโดยดอกเบี้ยอาจจะไม่มี หรือต่ำมาก ๆ เพื่อช่วยกันหมุนเวียน แต่คงจะต้องมีคุณสมบัติต่าง ๆเพื่อให้ อสม.กำหนดไว้​ โดยสามารถกู้ยืมได้ 100,000 บาท​ ในอัตราปลอดดอกเบี้ย เพราะถือว่าเป็นการกู้ยืมเงินตัวเอง

โดยคาดว่าอาจจะมีการเก็บค่าแรกเข้า เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการบริหารจัดการ พร้อมยืนยันว่าไม่กลัวหนี้เสีย เพราะมีการนำเงิน 5 แสนมาค้ำประกันไว้ก่อน ซึ่งเป็นเงินที่เป็นการเพิ่มค่าตอบแทนให้​ ไม่เป็นการรบกวนเงินค่าประเทศ พร้อมยืนยัน​ ว่าไม่ใช่การตั้งเงินสกุลใหม่​ เป็นเงินของเราเองที่หมุนเวียนกันอยู่ในนี้ อยู่ในสังคมของ อสม.ดูแลเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข


ภาพ – ธนโชติ ธนวิกรานต์


ข่าวที่เกี่ยวข้อง