หลังจากที่เมื่อวานสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ในพื้นที่ตอนกล่างของประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากสภาพอากาศเปิดมากขึ้น มีกระแสลมแรง ในวันนี้ ปริมาณค่าฝุ่นละอองในอากาศกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งในหลายพื้นที่
โดยรายงานของศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ผ่านมาพบว่า ปริมาณค่าฝุ่นละอองในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ในภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โดยปัจจัยที่เกิดระดับของ PM 2.5 ที่สูงขึ้นนั้นสำหรับในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นผลมาจากสภาพอากาศปิด และทำให้ฝุ่นควันสะสมตัวในพื้นที่ ซึ่งในกรุงเทพฯ ฝุ่นควันที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่นั้น เป็นฝุ่นควันจะยานพาหนะเป็นหลัก และด้วยอากาศเย็น กระแสลมเริ่มอ่อนลง พื้นที่เป็นตึกสูงจำนวนมาก จึงทำให้ ฝุ่นควันที่เกิดขึ้นถูกกักเก็บไว้ในอากาศได้ดี
ในขณะที่ต่างจังหวัด พบว่า ปัญหาส่วนใหญ่มาจากการเผาวัสดุทางการเกษตร หลายจุดเป็นการรายงานการเผาที่เกิดขึ้นในพื้นที่อนุรักษ์ร่วมด้วย เมื่อเผชิญกับกระแสลมอ่อน ทำให้ฝุ่นควันจากการเผาเหล่านั้นถูกกักเก็บไว้ นอกจากนี้ ยังคงมีฝุ่นควันที่เกิดขึ้นจากประเทศใกล้เคียงที่พัดข้ามเข้ามาในประเทศไทยอีกด้วย
…
10 จุดค่าฝุ่นสูงสุดในไทย
โดยข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ ( 26 ม.ค.) พบว่า 10 จุดตรวจวัดที่พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงที่สุดในประเทศไทย ได้แก่
จุดตรวจวัด | ค่าฝุ่น PM 2.5* | |
---|---|---|
1 | ตลาดสดบ้านหล่ายแก้ว ต.ศรีเตี้ย อ.บ้านโฮ่ง ลำพูน | 286 |
2 | รพ.สต.ค่ายสว่าง ต.นาดี อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู | 261 |
3 | รพ.สต.บ้านปางมะเยา ต.เมืองงาย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ | 230 |
4 | สสอ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี | 198 |
5 | รพ.สต.บ้านงิ้วเฒ่า ต.ป่าหุ่ง อ.พาน จ.เชียงราย | 196 |
6 | รพ.สต.บ้านด่าน ต.ขุนน่าน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน | 189 |
7 | ศาลากลางจ.หนองบัวลำภู ต.ลำภู อ.เมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู | 178 |
8 | รร.บ้านห้วยทรายขาว ต.ห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน | 177 |
9 | บ้านใหม่ปูเลย ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ | 175 |
10 | รพ. ฮอด จ. เชียงใหม่ | 173 |
ซึ่งในวันนี้ ปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 ในหลายจุดมีปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้นจากเมื่อวานที่ผ่านมา (25 ม.ค.) ในหลายพื้นที่ด้วยกัน
…
สำหรับในพื้นที่กรุงเทพฯ ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร ได้รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ของสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรุงเทพมหานคร โดยพบว่า ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ในวันนี้ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมงในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 07.00 น. อยู่ที่ 39 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และมีจุดที่พบว่า ค่าฝุ่นละอองเฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมงอยู่ในระดับสีส้ม หรือ เริ่มมีผลต่อสุขภาพจำนวน 1 พื้นที่ด้วยกันคือ ที่เขตหนองแขม และมีพื้นที่ที่ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กอยู่ในระดับสีเหลือง (ปานกลาง) จำนวน 31 จุดด้วยกัน
ในขณะที่รายงานเมื่อเวลา 09.00 น. พบว่า มีพื้นที่ที่มีฝุ่นอยู่ในระดับสีส้ม (เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ) เพิ่มขึ้นเป็น 3 จุดด้วยกันคือ ที่เขตตลิ่งชัน เขตหนองแขม และเขตคลองสามวา
ในขณะที่ในช่วง 27-28 มกราคม 2566 และ 31 มกราคม ถึง 1 กุมภาพันธ์ 2566 คาดว่า ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล จะสูงขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากสภาพอากาศปิด กระแสลมนิ่ง มีพื้นที่ที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่ พื้นที่กรุงเทพกลาง กรุงธนเหนือ และกรุงธนใต้ (พื้นที่ท้ายลม)
ในขณะที่รายงานการตรวจวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่า บริเวณสถานีตรวจวัดที่วิทยาเขตบางเขตเมื่อเวลา 08.00 น. อยู่ที่ระดับสีส้ม หรือเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว แต่ในภาพรวมเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ยังคงอยู่ในระดับสีเหลือ
ซึ่งภาพรวมของกรุงเทพฯ อยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพในหลายพื้นที่ โดย 10 อันดับแรกที่พบค่าฝุ่นละอองสูงเฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมงจากจุดตรวจวัดของกรุงเทพฯ เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (26 ม.ค.) ได้แก่
จุดตรวจวัด | ค่าฝุ่น PM 2.5* | |
---|---|---|
1 | เขตหนองแขม | 58 |
2 | เขตตลิ่งชัน | 53 |
3 | เขตคลองสามวา | 51 |
4 | เขตทวีวัฒนา | 50 |
5 | เขตบางเขน | 50 |
6 | เขตหนองจอก | 49 |
7 | เขตยานนาวา | 48 |
8 | เขตลาดกระบัง | 48 |
9 | เขตบางกอกใหญ่ | 48 |
10 | เขตภาษีเจริญ | 48 |
…
จุดความรัอนยังพบทั้งในและนอกประเทศ
สำหรับรายงานจุดความร้อนจากดาวเทียม ในระบบ VIIRS ของ GISTDA ของวันที่ 25 ม.ค. พบว่า ในพื้นที่ของประเทศกัมพูชา เมียนมาร์ เวียดนาม ลาว มีแนวโน้มการพบจุดความร้อนที่เกิดจากการเผาเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง
- กัมพูชา 1,451 จุด (เพิ่มขึ้น)
- เมียนมาร์ 1,369 จุด (เพิ่มขึ้น)
- ไทย 593 จุด (ลดลง)
- ลาว 429 จุด (เพิ่มขึ้น)
- เวียดนาม 164 จุด (เพิ่มขึ้น)
สำหรับจุดความร้อนในประเทศไทยนั้น พบว่า อยู่ในพื้นที่เกษตร จำนวน 179 ชุด, พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 138 จุด, เขตป่าอนุรักษ์ 117 จุด, เขต สปก. 84 จุด บริเวณชุมชนและอื่น ๆ 65 จุด และพื้นที่ริมทางหลงจำนวน 10 จุดด้วยกัน
โดยรายงานจุดความร้อนที่พบในประเทศนั้นแม้ว่าจะมีจำนวนลดลง แต่ยังคงใกล้เคียงเดิมทั้งจำนวนจุด และพื้นที่ที่พบ ซึ่งในขณะนี้ หลายพื้นที่อยู่ในช่วงที่กำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรเช่น อ้อย และยังคงมีการลักลอบเผาอ้อยก่อนการเก็บเกี่ยว
รวมถึงการลักลอบเผาในพื้นที่อนุรักษ์ที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบต้องออกดับไฟป่าที่เกิดขึ้นนี้อย่างต่อเนื่อง