คัดลอก URL แล้ว
ได้ “ไฟล์กล้อง-ไฟล์เสียง” วันญาติเยี่ยม “ผกก.โจ้” แล้ว คาดรู้ผลสอบสัปดาห์หน้า

ได้ “ไฟล์กล้อง-ไฟล์เสียง” วันญาติเยี่ยม “ผกก.โจ้” แล้ว คาดรู้ผลสอบสัปดาห์หน้า

วันที่ 13 มีนาคม 2568 เมื่อเวลา 11.20 น. พ.ต.อ.สัญญา อุบลวิรัตนา ผกก.สน.ประชาชื่น เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีต ผกก.โจ้ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำผู้คุมขังแดน 5 ซึ่งการสอบปากคำทุกครั้งต้องมีอัยการร่วมสอบปากคำด้วย เพราะเป็นคดีที่ต้องทำการชันสูตร

โดยที่ผ่านมาได้ทำการสอบปากคำไปแล้ว 5 ปาก ผู้ต้องขังห้องข้าง ๆ อีก 3-4 ปาก จากนั้นต้องทำการพิจารณา คาดว่ารู้ผลการสอบไม่นาน เพราะต้องรอผลจาก พฐ. ด้วย สำหรับการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตอนนี้ได้เซิร์ฟเวอร์มาแล้ว อยู่ระหว่างการรอผลพิสูจน์จาก พฐ. เพื่อตรวจสอบว่ามีการตัดต่อภาพหรือไม่ และจะทราบผลโดยใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์

เมื่อถามถึงการจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิต พ.ต.อ.สัญญา ระบุว่า วันนี้จะไม่มีการจำลองเหตุการณ์เพราะทางอัยการไม่ว่าง คาดว่าจะทำการจำลองในวันที่ 17-18 มี.ค.นี้ ส่วนเรื่องหลักฐานเสื้อของอดีตผู้กำกับโจ้ จากการตรวจสอบในห้องขังพบเสื้อจำนวน 2 ตัวพับอยู่รวมถึงกางเกง ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา เพราะภาพจากกล้องวงจรปิด พบ ผู้กำกับโจ้สวมใส่ในขณะเข้าไปในห้องขัง แต่ตอนเสียชีวิตกลับไม่ได้สวมเสื้อ

ส่วนเรื่องไฟล์เสียงในวันเยี่ยมญาติ ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอไฟล์เสียงจากเรือนจำแล้ว อยู่ในระหว่างเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบถอดเทปวิเคราะห์พฤติกรรมหาสาเหตุว่าถูกกดดันหรือมีเหตุกระทบกระเทือนจิตใจที่ส่งผลให้ก่อเหตุหรือไม่

เมื่อวานนี้ (12 มี.ค.) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปสอบปากคำน้องสาวของผู้กำกับโจ้ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร และได้เข้าไปเรือนจำเพื่อเก็บพยานหลักฐานของใช้ส่วนตัวของอดีตผู้กำกับโจ้ อย่างไรก็ตามจากการทำคดีได้รับการประสานการทำงานร่วมกับกรมราชทัณฑ์เป็นอย่างดี ไม่มีปัญหาและอุปสรรคและไม่มีความกังวลใจใดๆ

“อธิบดีราชทัณฑ์” ยัน ปมอดีตผู้กำกับโจ้เสียชีวิต “ความจริงก็คือความจริง” เผยวันเกิดเหตุ มีบางอย่างเกิดขึ้น-แฟนสาวร้องไห้ แต่ยังไม่ฟันธง อยู่ระหว่างตรวจสอบ

วันที่ 13 มีนาคม 2568 นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ภายหลังมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีการเสียชีวิตของ นายธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ โดยคณะทำงานได้เริ่มสืบสวนสอบสวน ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา โดยมีการแยกการทำงานทั้งหมด 2 ชุด ชุดแรก คือ การตรวจสอบกรณีที่ครอบครัวได้ยื่นเรื่องร้องเรียนมายังกรมราชทัณฑ์ ซึ่งมีการยื่นเรื่องมาตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2568 ส่วนอีกชุดคือการตรวจสอบกรณีการเสียชีวิตของอดีตผู้กำกับโจ้ โดยจะมี อีก 3 หน่วยงานภายนอกเข้าร่วม คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการปกครอง และ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์

ส่วนก่อนหน้านี้ที่ได้เปิดให้สื่อมวลชนตรวจสอบในทุกประเด็นทั้งข้อมูลจากกล้องวงจรปิด และพาเข้าไปดูพื้นที่สถานที่เกิดเหตุ เพื่อให้ความจริงปรากฏ ซึ่งที่ผ่านมา สังคมมีการคาดเดาสถานการณ์ไปในหลากหลายรูปแบบ แต่ส่วนตัวยืนยันว่า ความจริงก็คือความจริง

ส่วนไทม์ไลน์ในวันเกิดเหตุพบว่า ช่วงเช้าอดีตผู้กำกับโจ้ได้ออกมาร่วมกิจกรรมของเรือนจำตามปกติ มีการพบทนายความและญาติ ซึ่งในวันดังกล่าวทราบว่า มีการใช้เวลากับญาตินานพอสมควร จากนั้นจึงกลับเข้าไปอยู่ในห้องขัง ส่วนในวันดังกล่าวอดีตผู้กำกับโจ้มีท่าทีทะเลาะกับญาติที่มาเยี่ยมหรือไม่นั้น เท่าที่ได้รับรายงานมา ทราบว่า มีสถานการณ์บางอย่างเกิดขึ้น รวมถึงแฟนสาวของอดีตผู้กำกับโจ้ร้องไห้ แต่ไม่สามารถยืนยันได้ และอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งในวันเกิดเหตุกรมราชทัณฑ์มีบันทึกไฟล์เสียงขณะพูดคุยสนทนา แต่ไม่สามารถนำมาเปิดเผยข้อมูลได้เพราะอยู่ในกระบวนการสืบสวนสอบสวน

สำหรับคำสั่งย้ายนายเผด็จ หริ่งรอด กลับไปปฏิบัติหน้าที่ราชการที่ทัณฑสถานบําบัดพิเศษกลาง นายสหการณ์ กล่าวว่า เพราะต้องการเปิดให้กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงโปร่งใส เพื่อสร้างความมั่นใจให้สังคมได้รับรู้ว่า ไม่ได้มีการปกปิดข้อเท็จจริง ซึ่งส่วนตัวของนายเผด็จเองก็เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่วน นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ปฏิบัติหน้าที่ ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม แทน

ขณะเดียวกันก็ได้มีการสอบสวนผู้คุมสิทธิพร ขณะนี้อยู่ในกระบวนการสืบสวนข้อเท็จจริง และอยากขอความร่วมมือสื่อมวลชน เนื่องจากขณะนี้พบว่า ผู้คุมสิทธิพรไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพราะมีผู้พยายามเข้าไปสัมภาษณ์สอบถามครอบครัว ส่วนนี้จึงมองว่า เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล อีกทั้งเกรงว่า หากมีการให้ข้อมูล เกี่ยวกับผลการสอบสวนผู้คุมสิทธิพร ก็อาจส่งผลเสียกับอดีตผู้กำกับโจ้ พร้อมยืนยันว่ามีเอกสารที่จะระบุได้ว่า อดีตผู้กำกับโจ้เป็นผู้ขอย้ายแดนคุมขังเอง และเมื่อถึงจุดหนึ่งก็พร้อมที่จะนำมาเปิดเผย ส่วนเอกสารที่อดีตผู้กำกับโจ้มีการลงลายมือชื่อยินยอมให้ยุติการสืบสวนกรณีการทำร้ายร่างกาย ซึ่งการยินยอมดังกล่าวจะมาจากความสมัครใจหรือถูกบังคับนั้นจะต้องมีการตรวจสอบทุกประเด็น

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยังระบุว่า การคุมขังนักโทษในแดน 7 นั้น มีลักษณะที่เข้มงวด เพื่อควบคุมดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของผู้ต้องขัง ซึ่งกรณีที่มีสื่อมวลชนหรือสังคมตั้งข้อสังเกตว่าการกระทำของผู้คุมบางอย่างเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนส่วนตัวมองว่าไม่ใช่ นักโทษทุกคนต้องทำตามกฎระเบียบ หากมีนักโทษบางคนต้องการแสดงอิทธิพล หรือฝ่าฝืนระเบียบ ก็ต้องถามกลับว่า ในฐานะผู้คุมต้องทำอย่างไร ซึ่งกรณีของอดีตผู้กำกับโจ้พบมีพฤติกรรมกระด้างกระเดื่อง และส่วนนี้มีข้อมูลยืนยัน แต่ตัวเองไม่อยากพูดพาดพิงผู้เสียชีวิต

ส่วนประเด็นที่ครอบครัวระบุว่าผู้เสียชีวิตถูกทำร้ายนั้น ตัวเองยืนยันว่าสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งกรณีที่ก่อนหน้านี้มีผลแพทย์ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ระบุว่า ผู้เสียชีวิตถูกทำร้ายร่างกายด้วยของแข็ง ไม่มีคมได้รับบาดเจ็บที่ซี่โครงนั้น ก็เป็นคนละช่วงเวลากับการถูกคุมขังในแดนที่มีนายสิทธิพรดูแล และเชื่อว่า ความจริงจะปรากฏเอง ซึ่งการนำอดีตผู้กำกับโจ้มาแยกขังที่แดน 5 ก็เพื่อเตรียมที่จะดำเนินการสอบสวนประเด็นที่ผู้เสียชีวิตมีพฤติกรรมกระด้างกระเดื่อง และสาเหตุที่เจ้าตัวขอย้ายมาจากความกังวลส่วนตัว

สำหรับประเด็นที่มีการมองว่า เหตุใดกรมราชทัณฑ์ไม่สามารถเคลื่อนย้ายศพเองได้ ตัวเองขอชี้แจงว่า สัญชาตญาณเมื่อผู้ต้องขังมีลักษณะคล้ายกับกำลังจะทำร้ายตัวเองเสียชีวิตหรือทำร้ายตัวเองเสียชีวิตไปแล้ว ผู้คุมจะต้องให้ความช่วยเหลือทันทีจนถึงที่สุด


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เพื่อการนำเสนอเนื้อหาที่ดี รวมถึงการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากคุณใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆนั้น แสดงว่าคุณยอมรับนโยบายคุกกี้และนโยบายส่วนบุคคลของเรา