นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย. 65) ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะพิจารณาราคาน้ำมันประจำสัปดาห์หน้า หรือระหว่างวันที่ 14-21 มิถุนายน 2565 จากปัจจุบัน 33.94 บาทต่อลิตร ไม่รวมภาษีท้องถิ่น

โดยสำนักงานฯ เตรียมเสนอหลายแนวทางให้พิจารณา ทั้งคงราคาเท่าเดิม การปรับเพิ่มอีก 50 สตางค์ หรือ ปรับเพิ่มอีก 1 บาท เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ หลังมีมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันของยุโรป ขณะที่ประเทศกลุ่มตะวันออกกลาง ยังไม่สามารถผลิตน้ำมันเพิ่มได้มากนัก ทำให้ช่วงปลายสัปดาห์ราคากลับมาพุ่งสูงขึ้นมา

หากมีการปรับราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มอีก 1 บาท จะทำให้ราคาเพิ่มเป็น 34 บาท 94 สตางค์ต่อลิตร หรือใกล้เต็มเพดาน 35 บาท ตามมาตรการช่วยเหลือน้ำมันดีเซลคนละครึ่ง เป็นเวลา 3 เดือนซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนนี้

มีรายงานว่ามาตรการดูแลราคาน้ำมันตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันอีกมากแค่ไหน จะขยายกรอบเพดานราคาหรือไม่ หรือจะหาเงินมาอุดหนุนภายใต้เพดานเดิม โดยขณะนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบเกิน 9 หมื่นล้านบาทแล้ว

ด้านนายชัยวัฒน์ วิบูลย์วัฒนกิจ นายกสมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่าราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 34 บาทต่อลิตร จากเพดานไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร ทำให้ผู้ประกอบการขนส่งได้ตัดสินใจปรับขึ้นราคาค่าขนส่งล่วงหน้าแล้ว โดยราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 1 บาทต่อลิตร จะส่งผลให้ค่าขนส่งเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3 ผู้ประกอบการขนส่งบางรายจึงทยอยปรับขึ้นค่าขนส่งขึ้นร้อยละ 15 จากเดิมที่คิดค่าขนส่งอยู่ที่ตันละ 500-700 บาท

ซึ่งปรับราคาขึ้นไปรอก่อนเพราะเชื่อว่าราคาน้ำมันดีเซลจะชนเพดานอีกไม่นานนี้ แต่หากราคาน้ำมันปรับขึ้นสูงกว่า 35 บาทต่อลิตร สมาคมฯจะหารือร่วมกันอีกครั้งว่าจะปรับหรือไม่ แต่หากราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลง ก็พร้อมที่จะปรับราคาการให้บริการลง เพื่อลดผลกระทบให้กับผู้ว่าจ้างต่อไป