KEY :
- วิกฤติเศรษฐกิจในศรีลังกากำลังลุกลามขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- เริ่มต้นจากการกู้เงินจากต่างประเทศที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้หนี้นั้นสะสมมากขึ้น
- ปลายปี 2019 รัฐบาล “ลดภาษี” ต่าง ๆ ตามที่หาเสียงไว้
- ทำให้รายได้ของประเทศหดลงไปเกือบ 1 ใน 3 หรือคิดเป็นมูลค่าราว 2% ของ GDP
- เมื่อโควิด-19 ระบาดทำให้รายได้ต่าง ๆ ลดลง โดยเฉพาะในภาคท่องเที่ยว ขนส่ง และเงินที่แรงงานชาวศรีลังกาในต่างประเทศที่ส่งกลับบ้าน
- ส่งผลให้หนี้ของศรีลังกาเพิ่มขึ้นไปที่ 94% ของ GDP ในปี 2020 และพุ่งไปที่ 119% ของ GDP ในปี 2021
- รายได้ลด หนี้เยอะ รายจ่ายก็ยังมี รัฐบาลศรีลังกาจึงพิมพ์เงินเข้าระบบเพิ่ม
- รัฐบาลศรีลังกาประกาศจำกัดนำเข้าสินค้าหลายรายการ เพื่อลดการใช้จ่ายเงินตราต่างประเทศ
- ปุ๋ยและยาฆ่าแมลง ถูกประกาศห้ามนำเข้า ส่งผลให้สินค้าเกษตร มีผลผลิตลดลงราวครึ่งหนึ่งของที่เคยได้
- ทำให้อาหารขาดแคลน และราคาพุ่งสูงขึ้น ดันอัตราเงินเฟ้อให้สูงขึ้นไปอีก
- สถานการณ์ระหว่างยูเครน – รัสเซีย ส่งผลให้ราคาข้าวสาลี สินค้าต่าง ๆ รวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิงพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง
- การขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงส่งผลกระทบ ทำให้สินค้าขาดตลาดและแพงขึ้น
- น้ำมันเชื้อเพลิงที่ขาดแคลน จนต้องมีการระงับจ่ายไฟฟ้าต่อเนื่องทุกวัน และนานขึ้นเรื่อยๆ
- ทำให้เกิดการประท้วงที่เริ่มลุกลามจนต้องมีการประกาศเคอร์ฟิว
- สถานะเงินสำรองระหว่างประเทศศรีลังกาเหลือเพียง 2.3 พันล้านเหรียญฯ ในขณะที่หนี้ที่จะต้องชำระมีอยู่ราว 4 พันล้านเหรียญฯ ในปี 2565 นี้
- หลายประเทศเริ่มยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อหาทางออกและรักษาเสถียรภาพของศรีลังกาไว้
…
สถานการณ์การประท้วงในศรีลังกาเริ่มหนักมากขึ้น หลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ส่งผลให้ประเทศขาดแคลนเงินตราต่างประเทศอย่างมาก ซึ่งส่งให้รัฐบาลไม่สามารถนำเงินไปซื้อสินค้าจำเป็นต่าง ๆ ได้ รวมไปถึงน้ำมันเชื้อเพลง และกลายเป็นปัญหาลูกโซ่ต่อเนื่องไปสู่การระงับการจ่ายกระแสไฟฟ้าเป็นระยะเวลาที่นานขึ้น จนล่าสุด มีการระงับการจ่ายไฟฟ้านานถึง 13 ชั่วโมง เนื่องจากไม่มีเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อรัฐบาลไม่มีเงินมากพอที่จะสั่งสินค้าจากต่างประเทศส่งผลให้ราคาสินค้าต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นโดมิโน่น และอัตราเงินเฟ้อก็พุ่งตามหลังมาติด ๆ
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร และมีที่มาอย่างไร จนนำศรีลังกามาสู่วิกฤติทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 70 ปีของประเทศ
…
ต้นตอ – หนี้ประเทศสะสม
ปัญหาหลัก ๆ มาจากหนี้สาธารณะของประเทศมีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในหลังปี 2009 เนื่องจากเป็นการสิ้นสุดสงครามกลางเมืองในศรีลังกา และฝ่ายรัฐบาลศรีลังกาได้รับชัยชนะ จึงมีการคาดการณ์ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจจะฟื้นตัว มีการกู้เงินจากหลายแหล่งด้วยกัน ทั้งสถาบันการเงินระหว่างประเทศ, ประเทศและสถาบันการเงินอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง กลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่ที่สะสมมา
…
ลดภาษีซ้ำเติมวิกฤติ
จากยอดหนี้ที่ยังคงมีอยู่มากโข และรายได้หลักหดหายจากการระบาดของโควิด-19 แล้ว นั่นยังไม่เพียงพอ เมื่อรัฐบาลประกาศ “ลดภาษี” ตามที่เคยได้สัญญาไว้เมื่อตอนหาเสียงในช่วงเลือกตั้งปี 2019 เช่น
- ลดภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT จาก 15% เหลือ 8%
- ลดภาษีอาคารและสิ่งปลูกสร้าง
- ปรับเพิ่มเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำที่ได้รับยกเว้นภาษี จากเดิมหากรายได้ต่ำกว่า 5 แสนรูปีศรีลังกา ไม่ต้องเสียภาษี ปรับเป็น 3 ล้านรูปีศรีลังกา
จากการลดภาษีต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้รายได้จากการจัดเก็บภาษีลดลงเกือบ 1/3 และนั่นคิดเป็นเกือบ 2% ของ GDP ในประเทศ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ก่อนการมาของโควิด-19 ในช่วงปลายปีนั่นเอง
…
โควิด-19 ซ้ำ
ในขณะที่รายได้จากการจัดเก็บภาษีไม่เป็นไปตามเป้าหมาย การระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงต้นปี 2020 ในประเทศศรีลังกาทำให้ภาคการท่องเที่ยวก็ทรุดหนักอย่างมาก จากการเดินทางที่หายไปของนักท่องเที่ยว และการล็อกดาวน์ที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกประเทศ ล้วนแล้วแต่ซ้ำเติมปัญหาให้กับศรีลังกาอย่างมาก
ซึ่งที่ผ่านมาถือว่า รายได้หลักของศรีลังกามาจากภาคการท่องเที่ยว ทั้งในด้านของการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาประเทศ ยังรวมไปถึงรายได้จากในคาสิโนอีกจำนวนมหาศาลที่หายไปด้วย
สถานการณ์ในช่วงปี 2020 จึงถูกฝากความหวังไว้ที่ปี 2021 แต่สุดท้ายในปีที่ผ่านมาสถานการณ์การท่องเที่ยวในศรีลังกา ก็ยังคงไม่ได้กลับเหมือนเดิม นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวในกลุ่มใหม่ที่เดินทางมายังศรีลังกานั้น พบว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียมากขึ้นในช่วงหลัง ก็เกิดปัญหาซ้ำเติมด้วยสถานการณ์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถชำระเงินค่าเดินทาง ค่าที่พักต่าง ๆ ได้ ทำให้มีการยกเลิกการจองไปอีกจำนวนมาก
นอกจากนี้ โควิด-19 ยังทำให้กระทบต่อสินค้าส่งออกหลัก ของศรีลังกาไม่ว่าจะเป็น ยางพารา เครื่องเทศ และเสื้อผ้า กระทบไปอีกด้วย ทำให้รายได้ที่จะไหลเข้าประเทศมาลดลง นอกจากนี้ เม็ดเงินจากแรงงานชาวศรีลังกาที่ไปทำงานต่างประเทศ ก็ส่งเงินกลับประเทศน้อยลงอีกจากการระบาดของโควิด-19 ในหลายประเทศและมีการล็อกดาวน์
ทั้งหมดที่ว่ามานี้ ส่งผลให้ระดับหนี้สาธารณะของศรีลังกาจากเดิม ในปี 2020 อยู่ที่ 94% ต่อ GDP พุ่งขึ้นไปเป็น 119% ในปี 2021
…
หากพูดง่าย ๆ นั่นคือสภาวะที่เรียกว่า “หนี้ท่วมหัว” เพราะหนี้ที่มีอยู่สูงเกินกว่ารายรับที่เกิดขึ้นแล้ว
…
พิมพ์แบงค์ – เงินเฟ้อ
ปัญหาของศรีลังกา ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เมื่อรัฐบาลเผชิญปัญหาหนี้ก้อนใหญ่ และรายจ่ายที่ยังคงเกิดขึ้นในประเทศจากโควิด-19 ทำให้ธนาคารกลางของศรีลังกา ได้พิมพ์เงินเพิ่มขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และเลี่ยงปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้บรรดาเจ้าหนี้ของศรีลังกา ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ และมีการส่งสัญญาณเตือนไปยังศรีลังกา
แต่ปัญหาเกิดไปแล้ว ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในประเทศศรีลังกาพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปี 2021 รวมถึงทำให้ค่าเงินรูปีศรีลังการ่วงดิ่งเหวลงไปอีก จากเดิมที่อัตราการแลกเปลี่ยนอยู่ที่ราว 200 รูปีศรีลังกาต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ กลายเป็น 300 กว่ารูปีฯ ต่อ 1 เหรียญสหรัฐ
นั่นหมายความว่า ราคาสินค้านำเข้าจากต่างประเทศก็จะมีราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก และเมื่อราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น ก็กระตุ้นให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
และเมื่อเม็ดเงินรูปีศรีลังกาไหลออกนอกประเทศเป็นสายเลือด รัฐบาลศรีลังกาก็ได้ออกมาตรการจำกัดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ แต่นั่นไม่ได้ช่วยอะไรมาก ไปกว่า การส่งผลกระทบต่อสินค้านำเข้าขาดแคลน และราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง
อีกทั้งสินค้ากว่า 350 รายการ ถูกจำกัดการนำเข้าก็สร้างปัญหาใหม่ไม่หยุดหย่อน เช่น การสั่งห้ามนำเข้าปุ๋ยและสารเคมีกำจัดแมลง ส่งผลให้สินค้าเกษตรในศรีลังกาได้รับผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตในประเทศหายไปเกือบครึ่งหนึ่ง และตอกย้ำปัญหาการขาดแคลนอาหารให้เพิ่มมากขึ้น
หนำซ้ำ สถานการณ์ในยูเครน-รัสเซีย ไม่ใช่แค่ผลกระทบโดยตรงจากการขาดรายได้ในภาคท่องเที่ยว แต่ยังส่งผลให้ราคาข้าวสาลีพุ่งสูงขึ้น, ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น จนนำมาสู่วิกฤติอย่างหนักหน่วงในศรีลังกา
ภาคการประมง การขนส่งประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมันนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเมื่อการขนส่งสินค้าไม่เป็นไปตามปรกติ การขาดแคลนก็เกิดขึ้นหนักขึ้นไปอีก และยิ่งดันอัตราเงินเฟ้อพุ่งทะลุเพดาน
นอกจากนี้การระงับการจ่ายกระแสไฟฟ้าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมงจากการขาดเชื้อเพลิงในการผลิต ส่งผลต่อทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบต่อกันไปเป็นโดมิโน่ แม้กระทั่งการสอบของนักเรียน ยังต้องถูกเลื่อนออกไป เนื่องจาก “ไม่มีกระดาษ”
…
ความอดทนถึงที่สุด
วิกฤติที่เกิดขึ้นนี้ ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการใช้ชีวิตของประชาชนชาวศรีลังกา นำไปสู่การลุกฮือออกมาประท้วงเพื่อเรียกร้องให้ประธานาธิบดีลาออก เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและลุกลามมากขึ้นไปอีก เมื่อตำรวจเข้าสลายการชุมนุมด้วยการใช้แก๊สน้ำตา และรถฉีดน้ำ
ทำให้ผู้ชุมนุมได้เผารถของเจ้าหน้าที่ และเหตุการณ์ก็เริ่มบานปลายมากขึ้น รัฐบาลศรีลังกาต้องประกาศเคอร์ฟิวเพื่อควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่การประท้วงก็ยังคงมีอยู่ ผ่านการแสดงออกในช่วงทางต่าง ๆ แทน
วิกฤติที่ยังไม่มีทางออก
ปัญหาในศรีลังกานั้นหนักหนาเกินกว่าที่ศรีลังกาจะแก้ได้ด้วยตัวเอง โดยในขณะนี้หลายชาติกำลังพยายามยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเพิ่มขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพของศรีลังกาไว้ โดยเฉพาะอินเดีย ที่ได้ช่วยเหลือในการเจรจาเรื่องการชำระหนี้และปัญหาเงินสำรองระหว่างประเทศของศรีลังกา
เนื่องจากในขณะนี้ ศรีลังกามีเงินสำรองเหลืออยู่ราว 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่หนี้ต่างประเทศที่จะต้องชำระอยู่ที่ราว 4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่มีกำหนดชำระในช่วงเดือนกรกฏาคมที่จะถึงนี้
อินเดีย ได้บรรลุข้อตกลงสำหรับวงเงิน 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อจัดซื้อน้ำมันเชื้อเพลงจากอินเดีย และอีก 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับจัดหาสิ่งจำเป็นเช่น อาหารและยา เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนอาหารและสิ่งจำเป็นในชีวิต
ข้อมูล
- http://erd.cbsl.gov.lk/erd/presentation/htm/english/erd/sdds/rpt_sdds.aspx
- https://www.imf.org/-/media/Files/Publications/CR/2022/English/1LKAEA2022001.ashx
- https://www.cbsl.gov.lk/sites/default/files/cbslweb_documents/press/pr/press_20220211_external_sector_performance_2021_december_e.pdf
- https://economynext.com/sri-lanka-halts-chemical-fertilizer-subsidies-88134/#janashakthi-insurance
- http://www.erd.gov.lk/index.php?option=com_content&view=article&id=102&Itemid=308&lang=en#
- https://www.cbsl.gov.lk/sites/default/files/cbslweb_documents/publications/annual_report/2020/en/9_Chapter_05.pdf
- https://economynext.com/sri-lanka-money-printing-deficits-could-lead-to-economic-implosion-imf-report-91152/#janashakthi-insurance