คัดลอก URL แล้ว

Dodge เตรียมปิดฉาก Challenger และ Charger ภายในสิ้นปีนี้

Dodge เตรียมนับถอยหลังปิดฉากสายการผลิตมัสเซิลคาร์ยอดนิยม Challenger และ Charger โฉมปัจจุบันภายในไม่เกินสิ้นปีนี้ หลังจากทางริษัทฯ ประกาศ “Last Call” แก่ทางตัวแทนจำหน่ายในการรับสั่งซื้อรถทั้งสองรุ่นนี้ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ ส่งผลให้ทางแบรนด์เหลือรถที่จำหน่ายสองรุ่นหลักได้แก่ Hornet และ Durango

อ่านข่าวเพิ่มเติม:

โดยการประกาศ “Last Call” ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) ในการประกาศสั่งจองรถ Challenger และ Charger ครั้งสุดท้าย ซึ่งลูกค้าสามารถสั่งจองรถผ่านช่องทางเว็บไซต์ และตัวแทนจำหน่ายได้ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ อีกทั้งทางบริษัทฯ ได้จัดของสมนาคุณสุดเอ็กซ์คลูซีฟด้วยแผ่นป้าย “Last Call” โดยจะติดตั้งในห้องเครื่องทั้ง Challenger และ Charger

Dodge Challenger

Dodge Challenger เจนเนอเรชั่นที่สามเปิดตัวในปี 2008 เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าจะยังคงรูปร่างพื้นฐานไว้มาตลอดการปรับโฉม แต่รถมัสเซิลคาร์รุ่นนี้ได้รับการยกระดับทั้งเครื่องยนต์ที่ทรงพลังขึ้น และเทคโนโลยีที่มีให้เลือกใช้มากขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ในทางกลับกัน Dodge Charger ที่เปิดตัวในปี 2011 แต่ใช้ส่วนประกอบหลายอย่างร่วมกับรถซีดานรุ่นก่อนหน้าที่เปิดตัวในปี 2006

Dodge Charger

แม้ว่าจะเป็นการปิดตำนานมัสเซิลคาร์ยอดนิยมในสหรัฐอเมริกา แต่ทาง Tim Kuniskis ซีอีโอของแบรนด์ Dodge – Stellantis ได้เผยถึงทิศทางอนาคตของรถ EV และไฮบริดที่จะมีขึ้นภายในฤดูร้อนปี 2024 ด้วยการเปิดตัว Dodge Hornet R/T อันเป็นตัวแทนของรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกจาก Dodge

ซึ่งตัวรถจะมาใช้ระบบไฮบริดสมรรถนะสูงสุด 288 แรงม้า แรงบิด 383 ปอนด์ฟุต สามารถให้ระยะทางในการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลถึง 51 กม. หรือ 32 ผ่านแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 15.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง มอบอัตราสิ้นเปลืองเพียง 77 MPGe และระยะทางทั้งหมด 360 ไมล์ หรือ 580 กม. รวมถึงฟีเจอร์ PowerShot ที่ช่วยเค้นกำลังเพิ่มอีก 30 แรงม้า ส่งผลให้อัตราเร่ง 0 ถึง 60 ไมล์/ชั่วโมงได้ภายใน 5.6 วินาที

Dodge Daytona SRT Concept

สำหรับทิศทางอนาคตของมัสเซิลคาร์ EV ทางบริษัทฯ ได้เคยนำเสนอ Charger Daytona SRT Concept ที่มีดีไซน์ย้อนยุค และตัวเลขสมรรถนะที่ไม่ธรรมดา ตั้งแต่รุ่นพื้นฐาน 455 แรงม้า ไปจนถึงรุ่น SRT Banshee 800 V ที่มีกำลังมากกว่า 800 แรงม้า ซึ่งจะช่วยต่อลมหายใจของมัสเซิลคาร์ซิกเนเจอร์ของแบรนด์ในยุคอนาคตได้

“สำหรับผู้ที่คลั่งไคล้ที่ต้องการครอบครอง Dodge Challenger หรือ Charger โดยเฉพาะอย่างยิ่งรุ่นที่มีแรงม้าสูง เช่น Scat Pack, SRT Hellcat หรือรุ่นพิเศษ นี่เป็นทางเลือกสุดท้ายในแคมเปญ ‘Last Call’” Tim Kuniskis ซีอีโอของแบรนด์ Dodge – Stellantis กล่าว “ในขณะที่เราเปลี่ยนไปสู่อนาคตของรถ Muscle Car ที่น่าตื่นเต้น และใช้พลังงานไฟฟ้า เรากำลังทำเครื่องหมายจุดจบของยุคที่น่าจดจำสำหรับ Dodge และเวลาก็หมดลงสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของรถดังกล่าว” Tim Kuniskis กล่าวในประกาศ

เครดิตข้อมูลจาก dodgegarage.com และ motor1.com


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง