งาน “ฟิวเจอร์ เอนเนอร์ยี่ เอเชีย และ “ฟิวเจอร์ โมบิลิตี้ เอเชีย 2023” (Future Energy Asia and Future Mobility Asia 2023) นับเป็นงานมหกรรมด้านพลังงานและยานยนต์ครั้งสำคัญของภูมิภาค ที่ผู้ร่วมงานจะได้ศึกษาข้อมูลนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาด เทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และยานยนต์แห่งอนาคตจากบริษัทชั้นนำของโลก อีกทั้งยีังเป็นงานสำคัญของการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางธุรกิจ และนโยบายด้านพลังงานในระดับนานาชาติ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย และอาเซียนสู่เป้าหมายการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์
แน่นอนว่าภายในงานจะมีการจัดแสดงเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับที่ผู้ร่วมงานชาวไทยและอาเซียนต่างให้ความสนใจ ทั้งแพลตฟอร์ม ชิ้นส่วน แบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อน ไปจนถึงรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเวียดนามอย่าง Vinfast ที่ได้นำรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นมาจัดแสดงให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัส และทดลองขับก่อนใคร ซึ่งการมาของ Vinfast ที่ได้บินมาจัดแสดงผลิตภัณฑ์ในประเทศไทยก็ได้เกิดคำถามที่น่าสนใจว่า “ฤา Vinfast จะมีแผนทำตลาดในไทย” ซึ่งประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน มีอัตราเติบโตที่สูงทั้งยอดจำหน่าย การจัดตั้งฐานการผลิต และการขยายตัวของเครือข่ายสถานีชาร์จ
อ่านข่าวเพิ่มเติม:
รถยนต์รุ่นต่าง ๆ ของ Vinfast ที่มาจัดแสดงภายในงาน FEA & FMA 2023
สำหรับรถยนต์จากแบรนด์ Vinfast ที่จัดแสดงภายในภายในงาน FEA & FMA 2023 จะมีด้วยกัน 3 รุ่น ซึ่งทุกรุ่นจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แต่จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนจัดแสดง ซึ่งประกอบด้วย
Vinfast VF9 เอสยูวีหรูระดับเรือธง 3 แถว 6 – 7 ที่นั่ง ที่ได้ถ่ายทอดทั้งความหรูหรา สง่างาม พร้อมฟีเจอร์อัจฉริยะมากมาย ผสานด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า-หลัง ที่ให้กำลังรวมสูงสุด 300 กิโลวัตต์ หรือ 402 แรงม้า (Hp) แรงบิด 620 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.5 วินาที จับคู่แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 123 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งได้ไกลถึง 580 กม./ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC) และรองรับระบบชาร์จไฟฟ้ากระแสตรงจาก 10 – 70% ได้ภายใน 35 นาที ด้านมิติตัวรถมีขนาดความยาว 5,118 มม. กว้าง 2,254 มม. และสูง 1,696 มม. ระยะฐานล้อ 3,150 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 189 มม.
สำหรับรถรุ่นนี้จะมีให้เลือกมากถึง 4 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น ECO และรุ่น Plus โดยจะแยกเพิ่มระหว่า 7 ที่นั่งมาตรฐาน และ 6 ที่นั่งแบบ Captain Seat ราคาตั้งแต่ 1,970,000,000 ถึง 2,210,230,000 ดองเวียดนาม หรือราว ๆ 2.88 ถึง 3.23 ล้านบาท
Vinfast VF8 เอสยูวีขนาดกลาง 5 ที่นั่งระดับพรีเมี่ยม นับเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ และขับเคลื่อนสี่ล้อที่คล้ายคลึงกับ VF9 แต่จะให้กำลังน้อยกว่าที่ 260 กิโลวัตต์ หรือ 349 แรงม้า (Hp) แรงบิด 500 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.5 วินาที จับคู่แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 82 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งได้ไกลถึง 333 กม./ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC) และรองรับระบบชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง 250 กิโลวัตต์ จาก 10 – 70% ได้ภายใน 24 นาที ตัวรถมีขนาดความยาว 4,750 มม. กว้าง 1,934 มม. และสูง 1,667 มม. ระยะฐานล้อ 2,950 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 179 มม.
Vinfast VF8 จะมีจำหน่ายด้วยกันสองรุ่นย่อย ได้แก่ ECO ราคา 1,290,000,000 ดองเวียดนาม และ Plus ราคา 1,430,000,000 ดองเวียดนาม หรือราว ๆ 1.88 ถึง 2.09 ล้านบาท
และโซนทดลองขับ ซึ่งจะมีการเพิ่มรุ่น Vinfast VF e34 ซึ่งเป็นคอมแพ็คเอสยูวีขุมพลังไฟฟ้า 5 ที่นั่ง ที่จำหน่ายเฉพาะในประเทศเวียดนาม ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้อหน้ากำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ หรือ 147 แรงม้า (Hp) แรงบิด 242 นิวตันเมตร จับคู่แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 41,9 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งได้ไกลถึง 285 กม./ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC) และรองรับระบบชาร์จไฟฟ้ากระแสตรงจาก 10 – 70% ได้ภายใน 27 นาที อีกทั้งยังบรรจุฟีเจอร์อัจฉริยะ และ Smart Service หลายรายการ
Vinfast VF e34 มีขนาดความยาว 4,300 มม. กว้าง 1,768 มม. และสูง 1,613 มม. ระยะฐานล้อ 2,610.8 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 180 มม. ส่วนน้ำหนักรถเปล่าอยู่ที่ 1,536 มม. และรถรุ่นนี้สนนราคาเริ่มต้นที่ 830.000.000 ดองเวียดนาม หรือราว ๆ 1.21 ล้านบาท
ทั้งนี้ราคาที่จำหน่ายจะเป็นราคารวมแบตเตอรี่ แต่ลูกค้าสามารถเลือกแบบเช่าแบตเตอรี่รายเดือนได้ ซึ่งจะทำให้ตัวรถมีราคาที่ถูกลงกว่าเดิม
ความเป็นไปได้ของการทำตลาดในไทย
Vinfast เป็นแบรนด์รถยนต์สัญชาติเวียดนามที่โดดเด่นทั้งด้านดีไซน์ และเทคโนโลยี และเป็นแบรนด์ที่ถูกจับตามองอย่างมากของกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ในภูมิภาคอาเซียน ที่จะมาทำตลาดแข่งกับรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนที่เข้ามาทำตลาดในหลาย ๆ ประเทศมากขึ้น ถึงแม้ว่าทาง VinGroup ซึ่งเป็นบริษัทแม่ จะให้ความสนใจกับตลาดใหญ่ ๆ อย่างอเมริกา และยุโรปมากกว่า แต่ด้วยทั้งปัญหาต่าง ๆ ของตัวรถ ฟีเจอร์ที่ภายในรถที่ไม่ได้เด่นกว่าค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ การส่งมอบที่ล่าช้า และไม่มีบริษัทประกันกล้ารับประกัน ส่งผลให้การทำตลาดชนกับยักษ์ใหญ่ของโลกประสบปัญหาอย่างรุนแรงทีเดียว
การที่ VinGroup ได้จัดบูธ พร้อมนำรถทั้ง 3 โมเดลมาโชว์อย่างใกล้ชิดในงาน FEA & FMA 2023 นับเป็นการส่งสัญญาณถึงการขยายตลาดยานยนต์ไฟฟ้าสู่ภูมิภาคอื่นโดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียนที่ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าได้เปิดรับอย่างเต็มที่กว่าเมื่อก่อน อีกทั้งมีข้อมูลว่า Vinfast จะมีการพัฒนารุ่นพวงมาลัยขวาสำหรับทำตลาดในบางประเทศด้วย ซึ่งเป็นไปได้ว่าทาง VinGroup เตรียมพิจารณาการนำแบรนด์ Vinfast มาทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย แม้จะยังไม่คอนเฟิร์มว่าจะเริ่มทำตลาดอย่างเต็มรูปแบบเมื่อใด นับว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่น่าจับตาไม่น้อย