BMW ประกาศเปิดตัวเอสยูวี New X5 และสปอร์ตเอสยูวี X6 รุ่นปรับโฉมใหม่ โดยได้ยกระดับทั้งบุคลิกใหม่ที่สง่างาม โฉบเฉี่ยวล้ำสมัย, สมรรถนะใหม่ ประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดีขึ้น และฟีเจอร์ใหม่ที่จะเปิดประสบการณ์การเดินทางที่พิเศษกว่าเดิม
BMW X5
BMW X6
เริ่มจากภายนอกของ BMW X5 มาพร้อมกระจังหน้า illuminated grille ที่ส่องแสงได้ หลังจากที่เปิดตัวในรุ่น X6 โฉมปัจจุบัน ขณะที่ X6 ก็ได้รับกระจังหน้า M Sport พร้อมกันชนหน้าใหม่ ขณะที่ไฟหน้าทั้งสองรุ่นได้รับการปรับดีไซน์ให้เรียวบาง พร้อมไฟ Daylight แบบหัวลูกศรด้านใน ซึ่งมีการปรับปรุงเล็กน้อยสำหรับภายนอก
ไฮไลท์เด็ดของการปรับโฉมอยู่ที่ภายใน โดยทั้งสองรุ่นจะได้รับจอดิจิทัลแบบโค้ง ที่รวมทั้งจอเรือนไมล์ขนาด 12.3 นิ้วกับจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 14.9 นิ้ว เป็นหนึ่งเดียว และถึงแม้จะได้รับการปรับปรุงระบบสั่งการผ่านสัมผัสหน้าจอ และคำสั่งเสียงแล้ว ตัวรถก็ยังคงใช้แป้นหมุน iDrive อยู่ แม้ว่าในบางรุ่นจะเริ่มไม่ใส่ให้แล้วก็ตาม
แต่ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ ไม่มีคันเกียร์แล้ว เพราะตัวรถจะใช้ระบบส่งกำลังที่ควบคุมด้วยการกดเพียงอย่างเดียว สอดคล้องกับทิศทางการออกแบบภายในของ BMW ในอนาคต ที่รถรุ่นใหม่จะใช้ปุ่มกดแทนคันเกียร์แบบเดิม
สำหรับขุมพลัง จะมีทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ พร้อมพ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 48V แบบ Mild Hybrid ที่ได้รับการปรับปรุงสมรรถนะเพิ่มอีก 40 แรงม้า (PS) รวมเป็น 380 แรงม้า (PS) แรงบิด 540 นิวตันเมตร ส่งผลให้รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ภายใน 5.2 วินาที เลยทีเดียว
สำหรับรุ่นปลั๊กอินไฮบริด จะประเดิมด้วยรุ่น X5 xDrive50e PHEV ใหม่ ที่มาแทนที่รุ่น xDrive45e เดิม ซึ่งจะมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุดถึง 197 แรงม้า (PS) จากเดิมให้เพียง 113 แรงม้า (PS) และมอบแรงบิดสูงสุดถึง 449 นิวตันเมตร เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภภาพการเร่งแซง และการลุยเส้นทางวิบากที่ดีกว่าเดิม ส่วนระบบส่งกำลังยังคงเป็นเกียร์ Steptronic แปดสปีด
เมื่อรวมขุมพลังทั้งระบบ จะสามารถมอบสมรรถนะสูงสุดถึง 483 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 699 นิวตันเมตร เทียบกับ 389 แรงม้า และ 443 600 นิวตันเมตร ในรุ่น 45e ก่อนหน้า นอกจากนี้ รุ่น 50e สามารถมอบอัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ได้เร็วถึง 4.6 วินาที เลยทีเดียว เมื่อเทียบกับ 5.3 วินาทีในรุ่น 45e เร็วอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ xDrive50e จะได้รับระบบ BMW IconicSounds Electric เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
และที่ขาดไม่ได้ใน xDrive50e ได้ยกระดับระยะทางการวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว จะวิ่งได้ไกลถึง 64 กม./ชาร์จเต็ม 100% หรือเพิ่มขึ้น 16 กม. โดยมาจากการอัปเกรดแบตเตอรี่จาก 24 kWh เป็น 29.5 kWh หรือใหญ่กว่าเดิม 8.1 kWh รวมถึงปรับปรุงออนบอร์ดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการชาร์จได้มากถึง 7.4 กิโลวัตต์ และรองรับการแสดงข้อมูลการชาร์จผ่านสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย
นอกจากนี้ทั้ง X5 และ X6 ในรุ่น M60i ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ความจุ 4.4 ลิตร ที่ได้รับการเสริมมอเตอร์ไฟฟ้า 48V ให้กลายเป็นขุมพลังไฮบริดแบบ Mild Hybrid มอบกำลังสูงสุด 523 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร พร้อมอัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ที่ทำได้ตั้งแต่ 4.2 – 4.1 วินาทีเลยทีเดียว ซึ่งข้อมูลอีกหลายส่วนยังไม่เปิดเผยในเวลานี้
ด้านช่วงล่างในรุ่น X6 ทุกรุ่นได้รับโช้คอัพแบบควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วน X5 xDrive50e จะได้รับโช้คอัพถุงลมเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และรุ่น M60i จะได้รับเทคโนโลยีควบคุมพวงมาลัยสี่ล้อ หรือ Integral Active Steering
BMW X5 และ X6 โฉมใหม่ ได้รับการปรับปรุงให้รองรับระบบ Highway Assistant ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจเสริม Driving Assistance Professional ที่รองรับระบบขับขี่อัตโนมัติเลเวล 2 โดยที่คุณสามารถปล่อยให้รถวิ่งบนทางหลวงได้โดยไม่ต้องจับพวงมาลัยที่ความเร็วสูงสุด 137 กม./ชม.
นอกจากนี้ ตัวรถมาพร้อมฟีเจอร์อื่น ๆ อีกหลายรายการ อาทิ ระบบเชื่อมต่อ 5G, ฟังก์ชันกุญแจรีโมทในสมาร์ทโฟนสำหรับผู้ใช้ Apple และ Android, ระบบนำทางภาพเสมือน, ระบบช่วยถอยรถเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน, ระบบช่วยจอดรถที่ควบคุมด้วยสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์เสริมที่สามารถเลือกรูปแบบการหลบหลีก และการเข้าจอดได้มากถึง 10 รูปแบบจากสถานที่ต่าง ๆ เป็นต้น
BMW X5 และ X6 รุ่นปรับโฉม จะเริ่มผลิตในเมือง Spartanburg รัฐเซาท์แคโรไลนาในเดือนเมษายนนี้ พร้อมราคาจำหน่ายตั้งแต่ 66,195 ถึง 94,595 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว ๆ 2.24 ถึง 3.20 ล้านบาท
เครดิตข้อมูลจาก carscoops.com