สิ่งที่สร้างความกังวลเมื่อเวลาขับรถลุยน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็นน้ำเข้าไปทำลายเครื่องยนต์ ECU หรือระบบปรับอากาศในรถ แต่น้ำที่ท่วมก็สามารถทำให้น้ำซึมเข้ารถได้ แต่ในบางครั้ง แม้จะไม่ได้ขับรถลุยน้ำท่วม แต่ก็อาจจะพบน้ำขังในตัวรถได้โดยไม่คาดคิด ซึ่งหากปล่อยไว้นานก็อาจจะทำความเสียหายแก่ตัวรถตั้งแต่สนิมกินโครงสร้าง เกิดกลิ่นอับ เชื้อรา และระบบไฟฟ้าภายในรถเสียหาย ที่จะเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่-ผู้โดยสารได้ในอนาคต
สาเหตุที่น้ำเข้ารถได้ แม้ไม่ได้ลุยน้ำท่วม
ขอบยางที่เสื่อมสภาพ
ตัวขอบยางในรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นขอบประตู หรือขอบหน้าต่างรถที่ทำหน้าที่ทั้งกันน้ำเข้า กันอากาศไหลเข้า-ออกตัวรถ ลดเสียงรบกวนระหว่างรอยต่อในระดับหนึ่ง แต่เมื่อใช้งานนาน ๆ ก็จะเริ่มมีความแข็ง กรอบ ปิดไม่สนิท และกันน้ำได้ลดลง ส่งผลให้เวลาขับรถลุยน้ำฝน หรือล้างรถบ่อย ๆ ก็สามารถทำให้น้ำซึมเข้ารถและสะสมได้
นอกจากขอบยางที่เสื่อมอายุขับแล้ว ตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้ยางเสื่อมสภาพเกิดจากการนำรถจอดกลางแดด ตากแดด ตากฝนบ่อย ๆ โดยขาดการดูแลรักษาที่ถูกต้อง เมื่อเกิดสะสมนานเข้าก็มีสิทธิ์ที่ทำให้น้ำไหลเข้าไปในรถได้
เกิดความเสียหายบริเวณซุ้มล้อ
บริเวณซุ้มล้อจะเป็นจุดที่เป็นรอยต่อระหว่างโครงสร้างและแผ่นเหล็ก ตามปกติแล้ว หากเป็นรถที่ยังอยู่ในสภาพดี บริเวณซุ้มล้อ หรือขอบซุ้มล้อจะเชื่อมปิดสนิท แต่หากเกิดอุบัติเหตุจนซุ้มล้อเสียหาย ทั้งถูกชน หรือถูกชิ้นส่วนขนาดใหญ่ทิ่มด้านใต้ซุ้มล้อ ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้น้ำซึมเข้าไปข้างในได้
นอกจากนี้ หากตัวรถเคยผ่านอุบัติเหตุอย่างหนักจนทำให้โครงสร้างไม่สามารถปิดได้อย่างสนิท เช่น บริเวณประตู หรือฝากระโปรงท้าย รวมถึงมีการซ่อมแซมที่ไม่ถูกต้อง ก็มีโอกาสที่น้ำฝน หรือน้ำล้างรถเข้าในตัวรถได้สูงทีเดียว
นำรถไปตากฝน แม้ไม่ได้ใช้งาน
หากคุณเอารถจอดข้างนอกเป็นประจำแล้วไม่ได้คลุมรถอย่างถูกต้อง เมื่อฝนตกลงมาจะมีความเสี่ยงที่ทำให้น้ำซึมเข้าไปตามขอบยางหรือรอยต่อได้ตรง ๆ และเกิดการสะสมภายในรถ เช่น ในประตู ต่างจากการขับรถตอนฝนตกที่น้ำฝนบางส่วนสามารถผลักออกไปได้ด้วยความเร็วต่ำ ๆ ของรถ
ท่อน้ำแอร์ทิ้งรั่ว
ตามปกติ น้ำแอร์ในรถยนต์จะหยดทิ้งบนถนน แต่ถ้าหากสายท่อน้ำแอร์ทิ้งรั่ว ก็มีโอกาสที่จะซึมเข้าไปยังห้องโดยสารได้ หากเป็นรถเก่า หรือเพิ่งลุยน้ำท่วมควรตรวจสอบท่อน้ำแอร์ร่วมด้วยเสมอ
จุกระบายน้ำเสื่อม หรือสูญหาย
บริเวณใต้พรมรถจะมีจุกสำหรับระบายน้ำขังที่พื้น ซึ่งจะมีประโยชน์ในกรณีต้องการระบายน้ำหลังจากวิ่งลุยน้ำท่วม แต่วันดีคืนดี หากจุกระบายน้ำเสื่อมสภาพ หรือหลุดหายกลางทาง จะเพิ่มความเสี่ยงให้น้ำเข้าไปได้ ไม่ว่าจะมาจากลุยน้ำท่วม หรือวิ่งตกหลุมตกบ่อน้ำขังจนกระเซ็นเข้ามา
วิธีเช็คน้ำขังในรถโดยด่วนที่คุณทำเองได้ไม่ยาก
อันดับแรกคือ ให้สังเกตว่าเมื่อเข้ามาภายในรถก่อนเดินเครื่องรู้สึกอับ ร้อนชื้น และมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ด้วยหรือไม่
สัมผัสพรมว่ามีตำแหน่งไหนที่เปียกบ้าง หากพบตำแหน่งที่เปียกโดยไม่ทราบสาเหตุ ให้รีบถอดออกทันทีเพื่อสังเกตตำแหน่งรอยรั่วได้ชัดเจน เช่น บริเวณซุ้มล้อ ขอบประตู หรือคอนโซลด้านล่างใกล้ท่อน้ำแอร์ ไปจนถึงนำพรมไปตากให้แห้งสนิท
ตรวจสอบความหน่วงของประตูรถว่ามีน้ำขังอยู่หรือไม่ ซึ่งผู้ใช้รถควรหมั่นเปิดจุกระบายน้ำตรงประตูสม่ำเสมอ
การแก้ไข – ป้องกันไม่ให้น้ำเข้ารถ
อันดับแรกคือการตรวจสภาพของขอบยางว่าแข็งกระด้าง มีรอยแตก เพื่อเตรียมเป็นข้อมูลสำหรับการเปลี่ยนขอบยางทั้งตรงประตู และฝากระโปรงท้าย
ตรวจสอบความเสียหายของซุ้มล้อ หรือแม้แต่โครงสร้างรถเพื่อสามารถค้นหารอยรั่ว หรือจุดแตกร้าวไว้แต่เนิ่น ๆ
หมั่นถอดพรมเพื่อตรวจสอบว่าจุกระบายน้ำบนพื้นรถยังอยู่ในสภาพดีหรือไม่ และหมั่นถอดออกเพื่อทำความสะอาดเพื่อลดการสะสมของสิ่งสกปรกจนเป็นอัตรายต่อโครงสร้าง และแหล่งเกิดเชื้อรา
ศึกษาคู่มือเพื่อหาตำแหน่งจุกระบายน้ำส่วนอื่น ๆ เช่นบริเวณประตูรถ และเมื่อระบายน้ำเสร็จควรทำให้แห้งก่อนปิดให้สนิท
หมั่นนำรถตรวจสภาพประจำปีเพื่อตรวจสอบสภาพของแชสซี ระบบแอร์ต่าง ๆ เป็นต้น
และที่สำคัญ หากพบว่ามีรอยน้ำรั่ว หรือเกิดความเสียหายใต้ซุ้มล้อ ควรถ่ายรูปตำแหน่งที่เสียหาย และบันทึกข้อมูล รวมถึงขอรับใบเสร็จจากคาร์แคร์ หรือศูนย์บริการ เพื่อทำเอกสารสำหรับขอเบิกประกันได้ในบางกรณี และประกันบางประเภทที่ครอบคลุม
ทั้งนี้ หากคุณรู้สึกว่าในรถมีกลิ่นอับทั้งที่ไม่ได้เปิดประตู หรือรู้สึกว่าพรมแฉะ ๆ แม้ไม่ได้ลุยน้ำท่วม ก็อย่าชะล่าใจ รีบตรวจสอบตำแหน่งน้ำรั่วเสียแต่เนิ่น ๆ ก่อนเกิดอันตรายต่อตัวรถ และผู้ใช้รถ และเป็นการรักษารถให้ใช้ได้อย่างยาวนาน สบายใจ ราคารถไม่ตกอีกด้วย