สถานการณ์ปัญหามลภาวะและฝุ่นละออง PM2.5 นับเป็นวิกฤติที่ยากจะแก้ไขในปัจจุบัน นอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายระบบทางเดินหายใจแล้ว มลภาวะและฝุ่นละออง PM2.5 เหล่านี้ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวของเราได้โดยตรงเช่นกัน ‘ธัญ’ (THANN) แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิว และเส้นผม ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แพทย์หญิงกนกวรรณ เศรษฐพงศ์วนิช แนะ “วิธีดูแลสุขภาพผิวหน้าให้ห่างไกลจากผลกระทบของมลภาวะและฝุ่นละออง PM2.5” กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพผิวหน้าที่มีส่วนผสมอันทรงคุณค่าของสารสกัดจากใบชิโซะ (Shiso) อย่าง Purifying Face Wash, Astringent Toner, Revitalizing Face Mask และ Oil-Free Facial Sunscreen SPF30 PA+++ พร้อมชวนเหล่าเซเลบริตี้คนรักผิว อาทิ ม.ล.เอวิตา ยุคล, คุณหฤทัย ไชยันต์ ณ อยุธยา และคุณกานดา สายทุ้ม ร่วมเผยเคล็ดลับการดูแลปกป้องผิวทั้งก่อนและหลังเผชิญกับมลภาวะและฝุ่นละออง PM2.5
แพทย์หญิงกนกวรรณ เศรษฐพงศ์วนิช แนะวิธีการดูแลสุขภาพผิวหน้าให้ห่างไกลจากผลกระทบฝุ่นละออง PM2.5 ว่า “ผิวหนังเป็นอวัยวะที่ปกคลุมอยู่ทั่วร่างกายของเรา ทำหน้าที่เป็นปราการด่านแรกในการป้องกันอันตรายจากพวกแบคทีเรีย, ไวรัส อีกทั้งยังมีหน้าที่ช่วยควบคุมไม่ให้ร่างกายสูญเสียความชุ่มชื้น ควบคุมอุณหภูมิ และรับความรู้สึก ปัจจุบันปัญหามลภาวะและฝุ่นละออง PM2.5 เกินค่ามาตรฐานเริ่มมีมากขึ้นในหลายพื้นที่ โดยสารตั้งต้นของ PM 2.5 ก่อนจะรวมตัวกับไอน้ำ และฝุ่นควัน คือ ก๊าซพิษ หรือสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว และกระตุ้นให้มีการหลั่งสารไซโตไคน์ (Cytokines) ก่อให้เกิดการอักเสบ ระคายเคือง และทำให้ผิวเกิดการแพ้ได้ง่าย โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้ป่วยโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (atopic dermatitis) หรือโรคผิวหนังอักเสบบริเวณต่อมไขมัน มลภาวะและฝุ่นละออง PM2.5 สามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังเราและก่อให้เกิดการระคายเคือง โดยส่งผลกระทบทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
- ระยะสั้น หรือระยะเฉียบพลัน
ทำลายเซลล์เคราติโนไซต์ (Keratinocytes) ที่อยู่ในชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) และทำลายฟิลแลกกริน (Filaggrin) ที่มีหน้าที่ป้องกันผิวหนัง (epidermal barrier protein) ให้เกิดความอ่อนแอและเสื่อมสภาพ ส่งผลให้ผิวแห้งและระคายเคืองง่าย
กระตุ้นการหลั่งสารที่ทำให้ผิวเกิดการอักเสบ ทำให้เกิดปัญหาสิวอุดตัน สิวอักเสบ และผดผื่นคัน
นำพาสารเคมีและโลหะหนักต่าง ๆ เข้าสู่ผิวหนัง ก่อให้เกิดอาการแพ้และระคายเคือง
- ระยะยาว หรือระยะเรื้อรัง
ก่อให้เกิดสภาวะผิวเสื่อมชราได้เร็วขึ้น รวมถึงทำให้ผิวเกิดการอักเสบอย่างต่อเนื่อง
กระตุ้นให้เกิดปฎิกิริยาออกซิเดชั่น รบกวนกระบวนการสร้างเซลล์ผิว และระบบภูมิคุ้มกันผิว สาเหตุของการเกิดริ้วรอยร่องลึก กระตุ้นให้ผิวผลิตเม็ดสีมากขึ้นซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้า กระและจุดด่างดำ
หากสัมผัสฝุ่น PM 2.5 เพียง 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ในช่วงเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ก็สามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของผิวหนังได้แล้ว และหากต้องเผชิญกับฝุ่นละอองระดับ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะก่อให้เกิดภาวะความชราของผิว รวมถึงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของผิวลดลง ส่วนผู้ที่มีสภาพผิวมัน อาจพบปัญหาการอุดตันของรูขุมขน ทำให้เป็นสิวได้ง่าย ส่วนผู้ที่มีสภาพผิวอ่อนแอและแพ้ง่ายมักจะเกิดผดผื่น อาการคันและระคายเคืองได้ง่าย นอกจากผิวหน้าแล้ว ผิวบริเวณอื่นของร่างกายอย่างข้อพับก็สามารถเกิดผื่นแดงคันได้ด้วยเช่นกัน
ส่วนการดูแลผิวหน้าเมื่อต้องเผชิญกับมลภาวะและฝุ่นละออง PM2.5 ควรให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดผิวหน้าเป็นพิเศษ แนะนำให้ทำความสะอาดผิวหน้าทันที่เมื่อกลับถึงที่พักอาศัย โดยสามารถทำได้ 2 ขั้นตอน (Double Cleansing) คือ
ขั้นตอนแรก ทำความสะอาดผิวด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีความอ่อนโยนต่อผิว โดยไม่ทำลายสมดุลความชุ่มชื้นของผิว
ขั้นตอนที่ 2 ปรับสภาพผิวและกระชับรูขุมขนด้วยการใช้โทนเนอร์หลังการล้างหน้าทุกครั้ง นอกจากจะเป็นการทำความสะอาดหลังการล้างหน้าแล้ว ยังถือเป็นเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับขั้นตอนรับการบำรุงต่อไป
หลังการล้างทำความสะอาดผิวควรบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว และทำหน้าที่เสมือนเกราะเคลือบปกป้องผิวไม่ให้สัมผัสกับมลภาวะและฝุ่นละออง PM2.5 โดยตรง และระหว่างสัปดาห์ควรมาส์กหน้าเพื่อฟื้นบำรุงสภาพผิวอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง แนะนำให้เลือกมาส์กที่มีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการคืนความกระจ่างใสสู่ผิว อาทิ สารสกัดจากผลองุ่น (Grape extract) และสารสกัดจากรากหม่อน (Mulberry root extract) หรือกลุ่มที่เพิ่มความชุ่มชื้นสู่ผิว อาทิ สารสกัดจากพืชทะเลทราย (Ougon extract), สารสกัดจากทีฮาโลส (Trehalose extract) หรือสารสกัดที่ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวอ่อนๆ อย่าง AHA หรือกรดผลไม้ที่อ่อนโยน รวมถึงสารสกัดที่สามารถลดเลือนริ้วรอย อีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือ การทาผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดก่อนออกจากที่พัก ควรเป็นผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดที่เนื้อบางเบา ไม่ก่อให้เกิดความมันส่วนเกิน ไม่อุดตันรูขุมขน และไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง
เรื่องที่ควรระวังเพิ่มเติมในช่วงที่มีปัญหามลภาวะและฝุ่นละออง PM2.5 ปริมาณมาก คือ การเลือกใช้เครื่องสำอางในการแต่งหน้า แนะนำให้เลือกใช้รองพื้นบางเบาแทนการใช้รองพื้นเนื้อหนัก เนื่องจากรองพื้นเนื้อหนักจะก่อให้เกิดความมันส่วนเกิน ทำให้มลภาวะและฝุ่นละออง PM2.5 สามารถมาเกาะและแทรกซึมเข้าสู่ผิวได้โดยง่าย
นอกจากนี้ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งผัก ผลไม้หลากสี รวมถึงงดการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง โดยสามารถปรับเปลี่ยนมาออกกำลังในร่มแทน นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ควรดื่มน้ำสะอาดในระหว่างวันให้มากๆ ก็จะช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี และก่อนออกจากที่พักก็ไม่ควรลืมสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันมลภาะและฝุ่นละออง PM2.5 ด้วย”
ธัญ’ (THANN) ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผมผสานคุณค่าแห่งพืชพรรณจากแหล่งธรรมชาติชั้นดีทั่วโลกและเทคโนโลยีอันทันสมัย ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา THANN มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ธรรมชาติผสานเทคโนโลยีชั้นนำ ผ่านการทดสอบจากสถาบันวิจัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลอย่าง Spincontrol Asia Co.,Ltd. (France), Skinnova Lab Co.,Ltd. และ Dermscan Asia อาทิ Dermatological test, Irritation test และ Efficacy test เพื่อยืนยันในคุณภาพและประสิทธิภาพเพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม 59 สาขา ใน 16 ประเทศ รวมถึงสปาอีก 19 แห่งใน 3 ทวีป ได้แก่ เอเชีย อเมริกา และยุโรป ขอแนะนำกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพผิวที่อุดมด้วยคุณประโยชน์ของสารสกัดธรรมชาติจาก “ชิโซะ” (Shiso) ที่มีจำหน่ายในร้านและเคาน์เตอร์ ‘ธัญ’ (THANN) กว่า 100 สาขาในทวีปเอเชีย อเมริกา และยุโรป
“ชิโซะ” (Shiso) พืชที่อุดมด้วยสารสำคัญอันมีประโยชน์ อาทิ เช่น โรสแมรินิค แอซิด (Rosemarinic Acid), แอล-เพอริลลาดีไฮด์ (L-Perilladehyde) และฟีนอล คอมพาวด์ (Phenol Compound) โดดเด่นในการให้ความชุ่มชื้น ปกป้องและฟื้นฟูเซลล์ผิวจากความแห้งกร้านและการเสื่อมสภาพ อีกทั้งยังเป็นสารแอนตี้ออกซิเดนท์ทรงประสิทธิภาพ โดยไม่ก่อให้เกิดอาการะคายเคือง ด้วยสัดส่วนของวิตามิน A (มากกว่าผลกีวีถึง 300 เท่า), วิตามิน C (มากกว่าผลเลมอนถึง 160 เท่า) และวิตามิน E สูง พร้อมวิตามิน B1, B2, B6, K, แร่ธาตุและโปรตีนหลากชนิด สารสกัดจากชิโซะยังมีคุณสมบัติยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase Inhibitor) ในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) และด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นของสารสกัดจากชิโซะนำมาผ่านกระบวนการสกัดด้วย “นาโนเทคโนโลยี” ปราศจากการใช้สารเคมีจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ได้อนุภาคขนาดนาโนเมตร (10-9) ทำให้ได้อนุภาคขนาดเล็กสามารถซึมเข้าสู่ชั้นหนังแท้ (Dermis) เกิดประสิทธิภาพการบำรุงอย่างล้ำลึก โดยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับดูแลสุขภาพผิวหน้าให้ห่างไกลจากผลกระทบของมลภาวะและฝุ่นละออง PM2.5 อาทิ
Purifying Face Wash ขนาด 150 ก. ราคา 1,050 บาท ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินได้อย่างหมดจด พร้อมคืนความกระจ่างใสสู่ผิว อุดมด้วยสารสกัดธรรมชาติที่มอบคุณค่าในทำความสะอาดและบำรุงผิว อาทิ Organic coconut oil, Organic rice extract, Shiso extract, Bamboo extract, Witch hazel water และ Lentil extract
Astringent Toner ขนาด 135 มล. ราคา 1,090 บาท โทนเนอร์กระชับรูขุมขน พร้อมคืนความสมดุลสู่ผิวหลังล้างหน้า เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการบำรุงต่อไป ด้วยคุณค่าของสารสกัดธรรมชาตินานาชนิด อาทิ Shiso extact, Algae extract, Green Tea extract และ Yeast extract
Revitalizing Face Mask ราคา 1,450 บาท มาส์กหน้าสูตรเข้มข้นที่รวมคุณค่าจากสารสกัดธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้สว่างใสอย่างไร้ที่ติ มอบความเปล่งประกาย (Luminosity) สู่ผิวถึง 43%* ด้วยส่วนผสมทรงประสิทธิภาพจากธรรมชาตินานาชนิด อาทิ Grape fruit extract, Mulberry root extract, Ougon extract, Trehalose extract และ Shiso extract
*ทดสอบด้วยวิธี Sensory Evaluation (C.L.B.T) โดย Spincontrol Asia Co.,Ltd. (France) กับผู้หญิงเอเชีย จำนวน 22 คน โดยใช้ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์
Oil–free facial sunscreen SPF 30 PA+++ ขนาด 40 ก. ราคา 1,200 บาท ตอบปัญหาผิวในช่วงหน้าร้อนนี้ให้กับคุณ ด้วยสูตร Oil-free เนื้อครีมบางเบา (Emulsion Base) ซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะและไม่ทิ้งคราบขาวไว้บนใบหน้า ปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB พร้อมช่วยให้ผิวสว่างขึ้น 30% (lightening and depigmenting) ผิวมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น 8%* และริ้วรอยลดเลือนลง 5%* ด้วยส่วนผสมที่ให้คุณค่าการบำรุงจากธรรมชาติที่มีอนุภาคขนาดเล็กที่คัดสรรมาพิเศษ เพื่อแก้ปัญหาผิวคล้ำเสียจากแสงแดดโดยเฉพาะ อาทิ Nano shiso extract, Ougon extract และ White tea extract
*ทดสอบโดยสถาบันผิวหนัง Dermscan Asia กับผู้หญิง อายุ 45 – 60 ปี จำนวน 22 คนหลังใช้ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง 42 วัน
ด้านเซเลบริตี้สาวต่างก็ได้ร่วมเผยเคล็ดลับการดูแลปกป้องผิวทั้งก่อนและหลังเผชิญมลภาะและฝุ่นละออง PM2.5 เริ่มจาก ม.ล.เอวิตา ยุคล เล่าว่า “ช่วงที่มลภาวะและฝุ่นละออง PM 2.5 เกินกว่าค่ามาตราฐานมากๆ จะรู้สึกได้ว่าผิวของเอมเกิดความแห้ง ขาดความสมดุล แพ้ง่าย เกิดผดผื่น และผิวยังดูหมองคล้ำไม่สดใสอีกด้วย มีหลายครั้งเกิดทั้งปัญหาสิว ผดผื่นและผิวดูหมองโทรมไม่สดใส แต่เอมก็จะมีวิธีการดูแลและฟื้นฟูสภาพผิว โดยจะเน้นเรื่องการทำความสะอาดผิวเป็นหลักด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าอย่าง Purifying Face Wash ที่ช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรก คราบฝุ่นละออง และความมันส่วนเกินได้อย่างหมดจด และยังคงความชุ่มชื้นให้ผิว ตามด้วยการปรับสภาพผิวให้พร้อมสำหรับการบำรุงด้วย Astringent Toner ซึ่งอุดมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยปรับสมดุลผิวและกระชับรูขุมขน อีกสิ่งที่สำคัญก่อนออกจากบ้านคือไม่ควรลืมทาครีมกันแดด อย่างครีมกันแดดที่ชอบใช้ประจำ คือ Oil-Free Facial Sunscreen SPF 30 PA+++ ที่ชอบเพราะเนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย และไม่อุดตันรูขุมขน นอกจากการดูแลผิวจากภายนอกแล้ว ก็จะมีวิธีดูแลผิวจากภายในด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวอย่างผลไม้และผักใบเขียวที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ ซี และอี ซึ่งมีส่วนช่วยในเรื่องการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวเราแข็งแรง และกลับมาสดใส ส่วนพื้นที่ต่างๆ ภายในบ้านก็จะใช้เครื่องฟอกอากาศสำหรับเป็นตัวช่วยในการป้องกันมลภาวะและฝุ่นละออง PM2.5 ด้วย”
ต่อมาที่สาวสวย คุณหฤทัย ไชยันต์ ณ อยุธยา เผยว่า “ปกติปอนด์จะเป็นคนที่ผิวแพ้ง่ายมาก ยิ่งช่วงที่ปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 เกินมาตราฐาน มักส่งผลให้ผิวเกิดการระคายเคือง ผดผื่นและสิว เลยทำให้รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเมื่อต้องออกไปพบปะผู้คน ดังนั้นจึงต้องหันกลับมาใส่ใจการดูแลตัวเองโดยจะหลีกเลี่ยงการเดินทางในวันที่มีปริมาณมลภาวะและฝุ่นละออง PM2.5 เกินมาตรฐาน แต่หากจำเป็นต้องออกไปทำธุระนอกบ้านก็จะแต่งกายให้มิดชิด สวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันมลภาวะและฝุ่นละออง PM2.5 ส่วนการดูแลสุขภาพผิวแพ้ง่ายสำหรับช่วงนี้ คือ การลดการใช้เครื่องสำอางในการแต่งหน้า เน้นการทำความสะอาดและฟื้นบำรุงสุขภาพผิว โดยจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนและเหมาะกับผิวแพ้ง่าย เริ่มจากการล้างทำความสะอาดผิวหน้าด้วย Purifying Face Wash เพื่อทำความสะอาดผิวจากมลภาวะและฝุ่นละออง PM2.5 ได้อย่างหมดจด โดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึงหลังการล้าง ตามด้วย Astringent Toner เพื่อกระชับรูขุมขนและปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุงต่อ”
ปิดท้ายที่สาวแฟชั่นนิสต้า คุณกานดา สายทุ้ม เล่าว่า “ช่วงที่ปริมาณมลภาวะและฝุ่นละออง PM2.5 เกินค่ามาตรฐานหนักๆ ก็จะสัมผัสได้ว่าผิวจะมีผดเผื่อนเม็ดเล็กๆ ขึ้น รวมถึงผิวยังดูหยาบกร้าน ไม่เรียบเนียน ส่วนตัวกานดาเองจะมีวิธีดูแลสุขภาพผิวโดยเน้นเรื่องการทำความสะอาดผิวเมื่อกลับมาถึงบ้านทันทีด้วย 2 ขั้นตอน (Double cleansing) เริ่มด้วยการทำความสะอาดผิวจากมลภาวะและฝุ่นละออง PM2.5 ด้วย Purifying Face Wash แล้วเช็ดผิวด้วย Astringent Toner นอกจากจะเป็นการทำความสะอาดผิวจากสิ่งสกปรกตกค้างและความมันส่วนเกินแล้ว ยังเป็นการกระชับรูขุมขนและปรับสภาพผิวให้พร้อมก่อนการทาครีมบำรุงผิว ระหว่างสัปดาห์ก็จะมาส์กหน้าด้วย Revitalizing Face Mask เพื่อฟื้นบำรุงและคืนความกระจ่างใสให้กับผิว รวมถึงก่อนออกจากบ้านทุกวันก็จะไม่ลืมทาครีมกันแดดอย่าง Oil-Free Facial Sunscreen SPF30 PA+++ นอกจากจะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด รังสียูวีแล้ว ยังช่วยปกป้องผิวไม่ให้มลภาวะและฝุ่นละออง PM2.5 มาสัมผัสกับผิวได้โดยตรงด้วยค่ะ”
ดูแลสุขภาพผิวหน้าให้ห่างไกลจากผลกระทบของมลภาวะและฝุ่นละออง PM2.5 กับผลิตภัณฑ์ Purifying Face Wash, Astringent Toner, Revitalizing Face Mask และ Oil-Free Facial Sunscreen SPF30 PA+++ได้แล้ววันนี้ที่ออนไลน์สโตร์ www.thann.co.th (ส่งฟรีทั่วประเทศ) และร้าน ‘ธัญ’ (THANN) ทั้ง 12 สาขาทั่วประเทศ อาทิ สาขาสุขุมวิท 47, ชั้น 5 (Tower 2) โรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ, ชั้น 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, ชั้น 3 ศูนย์การค้าเกษร, ชั้น 5 ศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรียม, ชั้น G และ 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน, ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์, ชั้น 4 ไอคอน สยาม, สาขาถนนพระปกเกล้า (ตรงข้ามวัดเจดีย์หลวง) จังหวัดเชียงใหม่, ชั้น G (The Jungle Zone และ The Botanica zone) ศูนย์การค้าจังซีลอน จังหวัดภูเก็ต และ ธัญ เวลเนส เดสทิเนชั่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา