จากกรณีที่ทางการไทยออกมาส่งสัญญาณประนามการกระทำของกัมพูชา ในเหตุการณ์วางกับระเบิดในพื้นที่ของไทย จนเป็นสาเหตุให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ตามที่ได้มีการรายงานไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเช้าวันนี้ (22 ก.ค. 68) ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ตอบโต้ข้อกล่าวหาในประเด็นทุ่นระเบิดว่า ในช่วงที่ผ่านมาผู้นำทางการเมือง กองทัพ และสื่อมวลชนของไทย ได้ทำการกล่าวหาว่าในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง ทั้งการเข้าไปยุ่งกับการเมืองภายในของไทย, การวางทุ่นระเบิด รวมไปถึงการข่มขู่ใช้มาตรการต่าง ๆ ในพื้นที่พิพาท ทั้งที่สามเหลี่ยมมรกต และปราสาทตาเมือนธม
โดยฮุน มาเน็ตได้ แจ้งย้ำใน 5 ประเด็น คือ ยืนยันว่า พื้นที่พิพาทนั้น คงคงไม่ได้ระบุว่า เป็นพื้นที่ของประเทศใด ๆ ดังนั้น มาตรการต่าง ๆ จึงต้องเห็นพ้องทั้งสองฝ่าย และย้ำถึงการไม่ก้าวข้ามเส้นกันทั้งสองประเทศ
ฮุน มาเนตยังระบุด้วยกว่า กัมพูชาไม่ได้รุกรานประเทศไทย ต้องการแสวงหาทางออกโดยสันติวิธี แต่ก็จะไม่ยอมให้ใครรุกล้ำเข้ามาเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังประณามการใส่ร้ายป้ายสีที่เกิดขึ้น ว่า กัมพูชาไม่เคยใส่ร้ายป้ายสีใครก่อน ซึ่งในกรณีนี้ หมายถึงการที่ทางการไทยได้ออกแถลงการณ์ประณามกัมพูชาที่มีการวางกับระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่ที่เกิดขึ้น
…
คำแปลฮุน มาเนต ฉบับเต็ม
ระยะนี้ ข้าพเจ้าได้เห็นผู้นำทางการเมือง, กองทัพ, และเครือข่ายสื่อสารมวลชนของไทย ได้ทำการกล่าวหาโดยไม่มีมูลความจริงต่อกัมพูชา เกี่ยวพันกับปัญหาจำนวนหนึ่ง เช่น การล่วงล้ำเข้าสู่การเมืองภายในของไทย, การวางทุ่นระเบิด, พร้อมทั้งได้ทำการข่มขู่จะออกมาตรการอย่างเป็นเอกภาคีในพื้นที่ที่มีข้อพิพาท ซึ่งรวมถึงพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต และปราสาทตาเมือนธม เป็นต้น
กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ, กระทรวงกลาโหม, กระทรวงและสถาบันทางวิชาชีพที่เกี่ยวข้องของกัมพูชา ได้ทำการตอบสนองอย่างแข็งขันต่อข้อกล่าวหาเหล่านั้น เพื่อปกป้องความถูกต้องของกัมพูชาอย่างต่อเนื่องเป็นลำดับมาแล้ว ตลอดจนการเตรียมออกมาตรการที่จำเป็นเพิ่มเติม ในเป้าหมายเพื่อปกป้องอุดมประโยชน์แห่งชาติเขมร
ข้าพเจ้าไม่มีความจำเป็นต้องทำการอธิบายสิ่งใดเพิ่มเติมมากนัก แต่ข้าพเจ้าเพียงแค่ต้องการส่งสารสั้นๆ ไม่กี่ประเด็นเท่านั้นเพื่อย้ำเตือนไปยังฝ่ายไทยว่า:
๑. พื้นที่หรือสถานที่ซึ่งมีข้อพิพาท หรือยังไม่เด็ดขาดว่าอยู่ในอธิปไตยของประเทศใด ย่อมไม่มีฝ่ายใดมีสิทธิ์ทำกิจกรรมหรือออกมาตรการอย่างเป็นเอกภาคีในพื้นที่หรือสถานที่นั้น ทุกมาตรการใดๆ ที่สามารถปฏิบัติได้ จะต้องมีการเห็นพ้องต้องกันระหว่างสองฝ่ายเสียก่อน
๒. เส้นแดงยังคงเป็นเส้นแดง ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ขอจงอย่าล่วงละเมิด
๓. กัมพูชาไม่ล่วงละเมิดต่อผู้ใด แต่กัมพูชาก็ไม่ให้ผู้ใดมาล่วงละเมิดต่อตนเองเช่นกัน กัมพูชามีสมรรถภาพอย่างเพียงพอและได้เตรียมพร้อมแล้วในการป้องกันตนเองและป้องกันบูรณภาพแห่งดินแดน ตามគ្រប់មធ្យោបាយទាំងអស់ (ทุกวิถีทาง) เพื่อต่อต้านการล่วงละเมิด
๔. วิธีการอมเลือดพ่นใส่ผู้อื่น* ไม่ใช่วิธีการที่มีศีลธรรมและสุจริตภาพ วิธีการเช่นนี้ไม่สมควรใช้ หากเราต้องการสร้างความไว้วางใจระหว่างกันและกันอย่างแท้จริง
๕. กัมพูชายังคงรักษาจุดยืนในการแสวงหาทางออกต่อปัญหานี้ โดยสันติวิธี ให้ได้อย่างรวดเร็ว เปี่ยมด้วยความชัดเจนและยั่งยืน
…
Editor Note : วิธีการอมเลือดพ่นใส่ผู้อื่น เป็นสำนวนหมายถึงการใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นโดยปราศจากข้อเท็จจริง
