จากสภานการณ์ที่สหรัฐฯ ได้มีการประกาศขึ้นภาษีศุลกากรกับประเทศต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงไทยด้วยนั้น ที่ล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เผยแพร่จดหมายส่งสัญญาณถึงรัฐบาลไทย กรณีการเก็บภาษีศุลกากรสินค้าไทยที่ 36% นั้น ด้าน ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ได้ประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ว่า
การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศขึ้นภาษี (Tariffs) ในรอบนี้ “เป็นของจริง” และมีโอกาสน้อยมากที่จะยอมถอยหรือชะลอการบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ เนื่องจากแรงกดดันสำคัญทั้งจากตลาดทุน ภาคธุรกิจ และภาคประชาชนลดลงอย่างมาก เพราะทุกฝ่ายได้เตรียมตัวและมีมาตรการอื่น (เช่น การลดภาษี) เข้ามาชดเชยผลกระทบแล้ว
- ตลาดทุนไม่กดดัน: ตลาดหุ้น (Dow Jones, S&P500) และสินทรัพย์ปลอดภัย (ทองคำ, พันธบัตร) แทบไม่ผันผวน เพราะได้คาดการณ์และรับข่าวไปมากแล้ว ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ต้องกังวลแรงกดดันจากตลาดเหมือนในอดีต
- ภาคธุรกิจเตรียมตัวแล้ว: การชะลอมาตรการ 90 วันก่อนหน้านี้ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสหรัฐฯ เร่งนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าเพื่อตุนสต็อกไว้ถึงปลายปี และมีเวลาหาซัพพลายเออร์รายใหม่ที่ไม่ใช่จากจีน แรงกดดันจากภาคธุรกิจจึงลดลงอย่างมาก
- ประชาชนยอมรับได้: แม้สินค้าจะแพงขึ้น แต่กฎหมาย “One Big Beautiful Bill” (OBBB) ได้ผ่านสภาแล้ว ซึ่งจะช่วยลดภาษีต่างๆ ให้ประชาชน (เช่น ภาษีจากทิป, ค่าล่วงเวลา) ทำให้มีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นมาชดเชยผลกระทบ ความไม่พอใจของประชาชนจึงลดลง
- การเมืองและรายได้รัฐหนุน: รัฐบาลสหรัฐฯ คาดว่าจะจัดเก็บภาษีนำเข้าได้มากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งช่วยลดการขาดดุลงบประมาณและนำไปใช้ลดภาษีให้คนอเมริกันได้ เมื่อเห็นรายได้มหาศาลเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะยอมถอย
และในท้ายที่สุดแล้ว นโยบายนี้จะเริ่มวันที่ 1 สิงหาคม และจะนำไปสู่ “โครงสร้างการค้าโลกใหม่” ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันของภาคส่งออกและอุตสาหกรรมไทยอย่างมีนัยสำคัญ
…