ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาได้ โพสต์ข้อความผ่านโซเซียลส่วนตัว ประกาศได้ยื่นฟ้องศาลโลกอย่างเป็นทางการแล้ว กรณีข้อพิพาทชายแดนกับประเทศไทย โดยถือฤกษ์ครบรอบ 63 ปี ของการชนะคดีเขาพระวิหารเมื่อ15 มิ.ย.2505
โดยฮุน มาเนต นายกฯ ของกัมพูชาได้ ระบุว่า กัมพูชาเลือกหนทางแห่งกฎหมายระหว่างประเทศและสันติภาพ ยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) นวันนี้ วันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 2025 เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดน กับประเทศไทย

ในเอกสารอ้างถึงพื้นที่พิพาท 4 จุดด้วยกันคือ พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด, ปราสาทตากระเบย (หรือปราสาทตาควาย) และพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต
นอกจากนี้ยังระบุว่า ถือเป็นครบรอบ 63 ปี ที่ประเทศกัมพูชาชนะคดีเขาพระวิหาร เมื่อ 15 มิถุนายน 2505 ซึ่งแม้ว่า ผ่านมา 63 ปีแล้ว แต่กัมพูชายังคงเลือกแก้ไขปัญหาโดยสันติภาพ แทนการเจรจาทวิภาคีที่ไม่สามารถแก้ไขได้ และเสี่ยงต่อการเกิดความขัดแย้งที่นำไปสู่การใช้อาวุธ

คำแปลโพสต์ข้อความฟ้องศาลโลกของ ฮุน มาเนต
กัมพูชาเลือกหนทางแห่งกฎหมายระหว่างประเทศและสันติภาพ
ในวันนี้ วันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 2025 ราชรัฐาภิบาลกัมพูชาได้ยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เพื่อขอให้ช่วยแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด, ปราสาทตากระเบย และพื้นที่สามมุม (บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา-ลาว)
ประจวบเหมาะกับที่เมื่อ 63 ปีที่แล้ว ในวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 1962 ก็คือวันประวัติศาสตร์ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ได้มีคำตัดสินให้กัมพูชาเป็นฝ่ายชนะในคดีปราสาทพระวิหาร
แม้ว่าเหตุการณ์ทั้งสองนี้จะเกิดขึ้นห่างกันถึง 63 ปีก็ตาม แต่จิตวิญญาณและเจตนารมณ์นั้นเหมือนกันทุกประการ คือ: กัมพูชาเลือกหนทางแห่งการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ ผ่านกลไกของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) สำหรับการแก้ไขปัญหาชายแดนในพื้นที่ซึ่งมีลักษณะซับซ้อนอย่างยิ่งและมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดความขัดแย้งนำไปสู่การใช้อาวุธ ซึ่งกลไกทวิภาคีไม่สามารถแก้ไขให้ลุล่วงได้ เช่นเดียวกับพื้นที่ปราสาทพระวิหารเมื่อกว่า 60 ปีก่อน และในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด, ปราสาทตากระเบย และพื้นที่สามเหลี่ยมมรกตในปัจจุบัน
กัมพูชาต้องการเพียงความยุติธรรม ความถูกต้อง และความชัดเจนในการกำหนดเส้นเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อไม่ให้ลูกหลานรุ่นหลังต้องมีปัญหากันอย่างไม่รู้จบสิ้น
ขอให้พี่น้องร่วมชาติทุกท่าน โปรดให้ความไว้วางใจต่อราชรัฐาภิบาลในการมุ่งมั่นพยายามดำเนินภารกิจนี้ ด้วยเจตจำนงและความรับผิดชอบอย่างสูง เพื่อปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดน และผลประโยชน์สูงสุดของชาติและประชาชนกัมพูชา