เฟซบุ้กสมเด็จฮุน เซนได้เผยแพร่ข้อความ แถลงการเรียกร้อง เพื่อตอบโต้มาตรการที่ไทยไม่ยอมเปิดด่านชายแดนตามที่กัมพูชาร้องขอ ไม่ว่าจะเป็นการแบนสินค้าไทย การเรียกแรงงานกัมพูชากลับประเทศ ระบุ ให้กองกำลังเตรียมพร้อม 24 ชม. และให้พื้นที่ตามแนวชายแดนเตรียมอพยพเมื่อจำเป็น
เฟซบุ้กสมเด็จฮุน เซนได้เผยแพร่ข้อความทั้งภาษาเขมรและภาษาอังกฤษ โดยระบุว่า
เมื่อคืนนี้ข้าพเจ้าได้ออกแถลงการณ์ฉบับหนึ่งแล้ว และในเช้านี้ ข้าพเจ้าขอแถลงต่อรัฐบาลอีกครั้งในฐานะหัวหน้าพรรครัฐบาล ในกรณีที่ฝ่ายไทยปฏิเสธที่จะเปิดด่านชายแดนที่พวกเขาได้ปิดไปแต่เพียงฝ่ายเดียว กัมพูชาจำเป็นต้องดำเนินมาตรการดังต่อไปนี้:
- ประกาศระงับการนำเข้าสินค้าไทยสู่ตลาดกัมพูชา ซึ่งหมายถึงการหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ของไทยและแทนที่ด้วยสินค้าในประเทศหรือผลิตภัณฑ์จากประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศไทย
- เตรียมรับซื้อสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตร ที่พลเมืองกัมพูชาเคยส่งออกไปยังประเทศไทย โดยการแสวงหาตลาดทั้งในและต่างประเทศเพื่อรองรับสินค้าเหล่านี้อย่างจริงจัง
- เปลี่ยนเส้นทางผู้ป่วยที่เคยไปรับการรักษาพยาบาลในประเทศไทย ให้ไปโรงพยาบาลในประเทศหรือสถานพยาบาลในประเทศอื่นแทน
- เตรียมการรับและจัดหาตำแหน่งงานสำหรับแรงงานที่จะเดินทางกลับจากประเทศไทย ปัจจุบันกัมพูชากำลังเผชิญกับการขาดแคลนแรงงานหลายหมื่นตำแหน่งในภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และการก่อสร้าง แรงงานกัมพูชาอาจเลือกที่จะเดินทางกลับโดยสมัครใจก่อนที่จะถูกทางการไทยส่งตัวกลับ ซึ่งในขณะนี้พวกเขาต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติและการดูหมิ่นอย่างรุนแรงในบางพื้นที่
- กองกำลังติดอาวุธทุกหน่วยต้องเตรียมพร้อมสูงสุดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมที่จะตอบโต้และป้องกันตนเองในกรณีที่ถูกรุกราน
- จังหวัดตามแนวชายแดนต้องเตรียมพร้อมอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ที่ปลอดภัยกว่า และจัดหาอาหาร ยารักษาโรค และสิ่งของจำเป็นอื่นๆ ให้เพียงพอ
หากประเทศไทยไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องการเปิดด่านชายแดนให้กลับสู่ภาวะปกติ เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องดำเนินมาตรการทั้งหมดนี้
ข้าพเจ้าขอเรียกร้องให้เพื่อนร่วมชาติของข้าพเจ้า อย่ากระทำการที่รุนแรง เช่น การประท้วงต่อต้านสถานทูตไทย บริษัทไทย หรือชาวไทยในกัมพูชา และอย่ามีอคติเกลียดชังทางเชื้อชาติต่อคนไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนดี มีเพียงกลุ่มหัวรุนแรงและทหารบางฝ่ายเท่านั้นที่อยู่เบื้องหลังปัญหาเหล่านี้กับกัมพูชา เพราะเป็นเรื่องปกติที่รัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมกองทัพของตนได้เหมือนที่ประเทศของเราทำได้
