ผู้คนนับล้านคนออกมารวมตั้งกันตามถนนสายหลัก หรือบริเวณด้านหน้าสถานที่ราชการในเมืองต่าง ๆ หรือสวนสาธารณะ มากกว่า 1,400 จุด ทั่วสหรัฐฯ ทั้ง 50 รัฐ เพื่อเรียกร้องให้ โดนัลด์ ทรัมป์ และ อีลอน มัสก์ วางมือออกจากประชาธิปไตย และยุติบทบาท
การประท้วงครั้งนี้ ใช้ชื่อว่า “Hands Off!” โดยชาวอเมริกันที่ออกมาร่วมชุมนุมระบุว่า ต้องการเรียกร้องให้โดนัลด์ ทรัมป์ และอีลอน มัสก์ยุติบทบาทและหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทันที เนื่องจากที่ผ่านมา มีใช้อำนาจที่มิชอบในการทำลายระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ มีการปรับลดพนักงาน คนงาน ละเมิดความเป็นส่วนตัวและบริการของของประชาชน
ในบริเวณการประท้วงของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐฯ มีตัวแทนขึ้นปราศรัยโจมตีการทำงานที่ผ่านมาของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงสส. จากพรรคเดโมแครตหลายคน ที่เข้าร่วมในการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ด้วย
ในขณะที่หลายพื้นที่ยังได้ขับไล่ อีลอน มัสก์ ซึ่งเป็นผู้ที่เข้ามาร่วมในการดำเนินนโยบายหลายด้านของทรัมป์ โดยเฉพาะในนโยบายปรับลดค่าใช้จ่าย โดยการไล่ปิดหน่วยงานที่อ้างว่า ไม่สำคัญ ปรับลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งหลายกรณีพบว่า เป็นการปรับลดคนที่ผิดพลาด และส่งผลกระทบต่อการบริการต่าง ๆ แก่ประชาชน โดยเฉพาะสำนักงานประกันสังคม ที่รับผิดชอบสวัสดิการรายเดือนให้กับชาวอเมริกันราว 73 ล้านคน และผลของการปรับโครงสร้างที่เกิดขึ้น ก็ส่งผลให้เกิดความวุ่นวายในการทำงาน และกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชน
การปรับโครงสร้างที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อตำแหน่งงานกว่า 2 แสนตำแนห่ง มีการลดสวัสดิการต่าง ๆ ลงด้วย
ผู้ประท้วงยังได้กล่าวถึงนโยบายต่าง ๆ ที่ทรัมป์ ได้ดำเนินการอย่างแข็งกร้าวในช่วงที่ผ่านมา เช่น การส่งผู้อพยพจำนวนมากกลับประเทศ, การยกเลิกการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ เป็นต้น
นอกจากนี้ แนวนโยบายหลายอย่าง ยังส่งผลกระทบต่อประเทศ และภาพลักษณ์ของสหรัฐ ไม่ว่า จะเป็นการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า นโยบายการต่างประเทศที่สร้างความไม่พอใจให้กับชาติต่าง ๆ เช่น แคนาดา เดนมาร์ก
สำหรับการประท้วงที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่มีการชุมในสหรัฐฯ เท่านั้น ยังคงมีรายงานการออกมาชุมนุมประท้วงของชาวอเมริกันในหลายประเทศด้วย เช่นที่ ลอนดอน ของอังกฤษ, ในบอร์ลิน และแฟรงก์เฟิร์ต ของเยอรมนี, ปารีส ของฝรั่งเศส
ทางด้านของทำเนียบขาว ได้ออกมาแถลงปกป้องทรัมป์ โดยระบุว่า ทรัมป์มีเจตนาในการพัฒนาประเทศ ปกป้องสวัสดิการต่าง ๆ ของประชาชนชน พร้อมได้โจมตีไปยังพรรคเดโมแครตว่า เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์นี้ และถือเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศต่อไป
ทางด้านที่ปรึกษาของทรัมป์ มองว่า การประท้วงที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับการดำเนินนโยบายของทรัมป์ ถือเป็นสิทธิ์ที่ชาวอเมริกันจะใช้ได้ แต่ก็จะไม่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้น