วันที่ 27 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกฤช ศิลปชัย สส.ระยอง พรรคประชาชน ออกมาแฉถูกซื้อตัวเป็นงูเห่า ว่า ยังไม่ได้คุยในรายละเอียดเลย ตนคิดว่าต้องตรวจสอบรายละเอียดก่อนว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ส่วนที่กระแสสังคมไม่เชื่อ ตนคิดว่าต้องตรวจสอบรายละเอียด จะให้ปกป้อง สส.ลูกพรรคเองเลยไม่ได้ ต่อให้บอกว่าปกป้อง ประชาชนก็ไม่เชื่ออยู่ดี คงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบรายละเอียดก่อน
“ผมว่าแชตที่เข้ามา ผมเชื่อว่าเข้ามาจริงแหละ วัตถุประสงค์ของแชตข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร มีความประสงค์จะดำเนินการได้อย่างนั้นหรือไม่ ต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกที” นายวิโรจน์ กล่าว
เมื่อถามว่าพรรคที่มาซื้อตัว เป็นพรรคที่ไม่มี สส.ในสภา จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเป็นพรรคนอมินีของพรรคการเมืองใหญ่ในสภา นายวิโรจน์ กล่าวว่า ก่อนที่เราจะจินตนาการ ขอตรวจสอบรายละเอียดก่อน ต้องไปดูว่ากิจกรรมการเมืองของพรรคการเมืองนั้นมีการทำร่วมกับพรรคการเมืองไหนบ้าง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ถ้าเราไปลงรายละเอียด เดี๋ยวก็จะกล่าวหาเขา และจะมีการโต้กันไปโต้กันมา โดยที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง เรื่องนี้ตนคิดว่าแชตคงมีอยู่จริง แต่วัตถุประสงค์ของแชตที่แท้จริงคืออะไร ต้องไปตรวจสอบ
เมื่อถามว่าหากเป็นเรื่องจริง มีเหตุผลอะไรที่ฝั่งรัฐบาลต้องมาซื้องูเห่าจากฝ่ายค้าน นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนยังไม่กล่าวหาไปที่ใครดีกว่า เหตุผลที่ยกมาก็ต้องพิจารณาด้วย ว่าความจำเป็น แรงจูงใจต่างๆ คืออะไร เพื่อต้องการสร้างกระแสเท่านั้นหรือไม่ หรือสร้างความปั่นป่วนทางการเมืองหรือไม่ หรือต้องการซื้อเสียงกันจริงๆ ก็ต้องมานั่งคุยกัน และก่อนที่จะไปกล่าวหาพรรคการเมืองนั้นพรรคการเมืองนี้ ตนคิดว่าอย่าเพิ่งเชื่อมโยงตามจินตนาการเลย เพราะเรื่องนี้เรื่องใหญ่มาก ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
เมื่อถามว่าการกระทำนี้เป็นการพยายามที่จะดิสเครดิต ลดความน่าเชื่อถือของพรรคประชาชนหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนยังไม่คิดอย่างนั้น เราเอาข้อเท็จจริงเป็นหลักก่อน
“การดิสเครดิตอย่างนั้น ถ้าอยู่ดีๆ เกิดขึ้นโดยที่ไม่มี สส. ของเราเข้าไปเกี่ยวดองหนองยุ่งด้วย อาจจะสันนิษฐานไปในทางนั้นใช่ไหมครับ แต่ข้อเท็จจริงมันมีแชตของ สส.ออกมาปรากฎจริง ถึงบอกว่าแชตที่เกิดขึ้น วัตถุประสงค์ของคนที่แชตคุยกับ สส.ของพวกเรามันคืออะไร คุณจะซื้อจริงหรือไม่ หรือคุณสร้างความปั่นป่วนอะไรหรือไม่ ผมคิดว่าผมขอเวลา ก่อนจะไปพาดพิงทางฝ่ายรัฐบาล ดูนิสัยผม ถ้าไม่มีเนื้อหาชัดเจน ผมก็ยังไม่อยากจะไปกล่าวหาใคร แล้วเรื่องนี้ละเอียดอ่อนมาก” นายวิโรจน์ กล่าว
เมื่อถามว่าเรื่องนี้เกี่ยวเนื่องกับอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย พอใจภาพรวมหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า เราทำได้ตามแผนตามที่เราคาดหวัง ส่วนจะดีหรือไม่ดีอย่างไรเราก็นอนหลับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่จะเอาไปปรับปรุงในการทำงานในสภาต่อไปอยู่แล้ว คนที่ประเมินที่ดีที่สุดก็น่าจะเป็นประชาชน
ส่วนที่มีการเอาไปเปรียบเทียบกับการอภิปรายของพรรคประชาธิปัตย์ในอดีต ว่าสมัยนั้นมีข้อมูลลับออกมามากกว่า นายวิโรจน์ กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ มีอยู่ 3 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งคือเอาข้อมูลลับออกมา ซึ่งเราก็มี แต่เราถูกเบรกโดยนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่หนึ่ง ในเรื่อง IO ที่เราลงลึกถึงระดับปฏิบัติการ แม้แต่นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยังไม่รู้ และตกเป็นเป้าหมายโจมตีด้วย ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะสะท้อนว่ามีกลุ่มองค์กรไอ้โม่งที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาจากหน่วยงานใดตามรัฐธรรมนูญก่อการ ถึงขั้นวางเป้าหมายเป็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ได้อภิปรายในสภา
กลุ่มที่สอง เป็นการเรียบเรียงข้อเท็จจริงและเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น พอเราเรียบเรียงจะเห็นถึงข้อสังเกตของข้อมูลที่ไม่เชื่อมโยงกันของเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ ที่มันอยู่ในเรื่องเดียวกัน และตั้งเป็นคำถามเป็นข้อสงสัย เช่น กรณีชั้น 14 ของนายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรค
และกลุ่มสุดท้าย เป็นเรื่องจุดใต้ตำตอ เช่น เรื่องการหลีกเลี่ยงภาษีหรือไม่ของนายกรัฐมนตรี เป็นข้อมูลจุดใต้ตำตอ ทุกคนสามารถเข้าไปดูบัญชีทรัพย์สินของนายกรัฐมนตรีได้อยู่แล้ว แต่เราเอามาวิเคราะห์ เอามาพิจารณาในรายละเอียด เทียบกับข้อกฎหมายต่างๆ ที่นายกรัฐมนตรีพึงปฏิบัติ แต่เราเชื่อว่าไม่ปฏิบัติ