
นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ระบุ ไม่มีประเทศใดแน่วแน่รับชาวอุยกูร์ แจงหากส่งตัวไปประเทศที่สาม ไทยอาจเผชิญแรงกดดันจากจีน ย้ำรัฐบาลต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติให้มากที่สุด
นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงถึงกรณีที่ นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยบันทึกกรรมาธิการการกฎหมายฯ ว่ากระทรวงการต่างประเทศเคยระบุมี 3 ประเทศที่พร้อมรับตัวชาวอุยกูร์ และยังมีรายงานจาก รอยเตอร์ส ที่ระบุว่ามีอีก 3 ประเทศยินดีรับลี้ภัย ว่า ข้อเท็จจริงคือ ไม่มีประเทศใดที่ยืนยันจะรับตัวไปอย่างแน่วแน่
นายรัศม์ ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้เคยมีบางประเทศแสดงความสนใจรับชาวอุยกูร์ แต่กระบวนการรับตัวนั้นซับซ้อนกว่าการกล่าวอ้างว่าพร้อมรับ เพราะไทยอาจเผชิญแรงกดดันและผลกระทบจากจีน ซึ่งอาจส่งผลต่อชีวิตประชาชนไทยจำนวนมาก
“คำถามคือ หากเราส่งไปประเทศที่สาม เราได้ถามคนไทยทั้งประเทศแล้วหรือยังว่าพร้อมรับผลกระทบหรือไม่? และมันยุติธรรมกับคนไทยหรือเปล่าที่ต้องเผชิญผลกระทบจากปัญหาที่เราไม่ได้เป็นผู้ก่อ?” นายรัศม์ กล่าว
เขายังกล่าวว่า แม้ในอดีต ไทยอาจมีโอกาสส่งตัวชาวอุยกูร์ไปประเทศที่สามได้ โดยเฉพาะเมื่อ 11 ปีที่แล้วในช่วงที่ยังไม่มีแรงกดดันมากนัก แต่สถานการณ์ปัจจุบันแตกต่างออกไป การที่เรื่องนี้ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางทำให้ไม่สามารถดำเนินการอย่างเงียบ ๆ ได้อีกต่อไป
“ผมเคยหวังว่าเราจะส่งไปประเทศที่สามได้ แต่เมื่อพิจารณาความเป็นจริงแล้ว ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับไทยนั้นมหาศาล รัฐบาลใดก็คงไม่กล้าดำเนินการ และสุดท้ายคนเหล่านี้อาจต้องอยู่ในสถานกักกันไปเรื่อย ๆ”
นายรัศม์ ยังกล่าวว่า การส่งตัวไปประเทศที่สามไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของการรับตัว แต่เกี่ยวข้องกับการเจรจากับจีน ซึ่งไม่มีประเทศใดออกมายืนยันว่าจะช่วยไทยเจรจากับจีน หรือรับมือหากจีนตอบโต้
“ไม่มีประเทศไหนที่พร้อมรับและช่วยล็อบบี้จีนให้ไทยสามารถส่งตัวไปได้ หรือยินดีเข้ามาช่วยเหลือไทยหากจีนตอบโต้ ดังนั้น แค่บอกว่าพร้อมรับ ไม่ได้หมายความว่าทำได้จริง”
นายรัศม์ ยังเน้นย้ำว่า ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่ายคือการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปจีน ภายใต้คำมั่นจากรัฐบาลจีนว่าพวกเขาจะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม ซึ่งเป็นแนวทางที่ไทยสามารถรักษาผลประโยชน์ของประเทศได้มากที่สุด
“จีนเป็นมหาอำนาจ และเขาต้องรักษาคำพูดของเขา หากเราไม่เชื่อคำพูดของจีน เราจะมีปฏิสัมพันธ์กับเขาในด้านอื่น ๆ ได้อย่างไร? การเรียกร้องให้ส่งตัวไปประเทศที่สามจึงเป็นแนวคิดที่ไม่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และอาจส่งผลเสียต่อประเทศไทย”
ท้ายที่สุด นายรัศม์ ระบุว่า การตัดสินใจของรัฐบาลไทยในเรื่องนี้ไม่เพียงคำนึงถึงหลักการสากลเท่านั้น แต่ต้องให้ความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศและประชาชนไทยเป็นหลัก