
ตำรวจไซเบอร์ยืนยัน คนไทย 119 รายที่ถูกจับในปอยเปตมีความผิดทั้งหมด ฐานเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมเร่งตรวจสอบเส้นทางเงินดิจิทัลกับ ก.ล.ต.
(4 มีนาคม 2568) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เปิดเผยความคืบหน้าการสอบปากคำ ผู้ต้องหาชาวไทย 119 คน ที่ถูกจับกุมในปอยเปต พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ (ผบช.สอท.) ระบุว่าจากการสอบปากคำผู้ต้องหาแล้วกว่า 20 ราย ทั้งหมดรับสารภาพและให้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวกัน ว่าตึกภูตาสวนในปอยเปตเป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง
การสอบสวนพบว่า กลุ่มนี้มีพฤติกรรมหลอกลวงหลากหลายรูปแบบ ทั้ง
🔹 หลอกให้รักและลงทุน (Romance Scam)
🔹 ข่มขู่ให้เหยื่อโอนเงิน
🔹 หลอกลวงผ่านแอปพลิเคชันปลอม
ตำรวจพบว่าข้อกล่าวหาของผู้เสียหายที่ร้องเรียนผ่าน ไทยโปลิสออนไลน์ มีความสอดคล้องกับคำให้การของผู้ต้องหา และหลักฐานจากทางการกัมพูชาระบุว่าคนไทยเหล่านี้ สมัครใจเดินทางไปทำงานเอง ไม่ได้ถูกบังคับข่มขู่
ยืนยันเป็น “องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ”
ตำรวจไซเบอร์ระบุว่า ข้อหาที่เข้าข่าย องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ได้แก่
✅ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
✅ อั้งยี่ซ่องโจร
✅ ร่วมกันนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีสมาชิกเกิน 3 คน มีการกระทำความผิดใน 2 ประเทศขึ้นไป คือ กัมพูชา (สถานที่ตั้งของแก๊ง) และ ไทย (เหยื่อที่ถูกหลอกลวงทางโทรศัพท์และแชท)
เบื้องต้น ตำรวจสามารถออกหมายจับ ชาวจีน 2 ราย ที่คาดว่าเป็นผู้บงการระดับสูง ขณะที่ คนไทย 119 คนเป็นเพียงพนักงานในเครือข่าย
เจาะเส้นทางการเงิน โยงเงินดิจิทัล
ตำรวจพบว่าเครือข่ายนี้มี ผู้บริหารระดับสูง 20 ราย ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ และกำลังขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่าหลังจากหลอกเหยื่อได้สำเร็จ เงินจะถูก โอนไปซื้อสกุลเงินดิจิทัล ก่อนจะถูกส่งออกนอกประเทศ
ขณะนี้ ตำรวจไซเบอร์ได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย และล่าสุดได้ประชุมร่วมกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อหาช่องทางสกัดกั้นและติดตามเส้นทางเงินดิจิทัล
เปิดเบื้องหลังขบวนการ แรงงานไทยติดหนี้ต้องทำงาน 7 เดือน
จากการสอบสวนพบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์จ่ายค่าจ้างพนักงานไทยคนละ 20,000 บาท/เดือน พร้อมค่าคอมมิชชั่น 5% แต่มีการตั้งเงื่อนไขว่า หากต้องการกลับไทย ต้องชำระค่าดำเนินการ 70,000 บาท หากไม่มีเงินจ่ายต้องทำงาน 7 เดือนขึ้นไป เพื่อให้หักหนี้เดือนละ 10,000 บาท
15 คนไทยสมัครใจทำงานเว็บพนัน ไม่เข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ
สำหรับ 15 คนไทยที่ยังไม่ถูกออกหมายจับ พบว่าไม่ได้เป็นเหยื่อ แต่ สมัครใจทำงานเว็บพนัน ทำให้ยังไม่เข้าข่าย “องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังขยายผลว่ากลุ่มนี้อาจเกี่ยวข้องกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์หรือไม่
ส่วน 100 คนที่เหลือ กำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบ โดยเบื้องต้นพบว่า ทั้งหมดเดินทางเข้า-ออกประเทศผิดกฎหมาย ทำให้ถูก ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เปรียบเทียบปรับแล้ว
สำหรับ 2 คนที่เป็นเยาวชน อยู่ระหว่างพิจารณามาตรการดำเนินคดีที่เหมาะสม
แถลงข่าวอย่างเป็นทางการ 5 มีนาคมนี้
คาดว่าการสอบปากคำทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายใน วันที่ 5 มีนาคม 2568 เวลา 09.30 น. โดย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ จะเป็นผู้แถลงข่าวความคืบหน้า