วันที่ 3 มีนาคม 2568 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวกรณีที่ม็อบชาวนาภาคกลางเดินทางมาติดตามการแก้ปัญหาของ รัฐบาล ว่า ตนเข้าใจความทุกข์ของชาวนา คือความทุกข์ของแผ่นดิน เราติดตามสถานการณ์ตลอดโดยเฉพาะเรื่องราคาข้าวที่ตก เนื่องจากราคาตลาดโลกและอินเดียเราไม่สามารถควบคุม ได้ยืนยันว่าเราช่วยชาวนาเต็มที่ โดยพยายามช่วยเหลือชาวนาไร่ละไม่เกิน 10 ไร่ ซึ่งเป็นความต้องการของชาวนาที่อยากจะได้อย่างนี้ และพยายามเสนอไปถึงคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(นบข.) เห็นชอบ
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินแผนแก้ปัญหาล่วงหน้า มีการติดต่อขายข้าวให้จีน 2.8 แสนตัน และแอฟริกา 3.7 แสนตัน เรามีแผนระยะสั้นและในระยะยาว เพราะอยากให้ชาวนามีรายได้ที่ถาวรและเพิ่มขึ้น มีผลตอบแทนต่อไร่เพิ่มขึ้น รวมถึงปลูกพืชเสริม ขอย้ำว่าเราไม่อยากเห็นความทุกข์ของชาวนา และอยากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เมื่อมีรายได้ที่ดีขึ้นก็จะมีการจับจ่ายใช้สอย และเศรษฐกิจจะดีขึ้นโดยเศรษฐกิจของไทยกำลังไปได้ดี แต่ที่เจอปัญหาคือหนี้เดิมที่การส่งออกต่ำมาหลายปี โดยต้นเดือนมกราคม ที่ผ่านมาขายได้ 13.6% และกลไกการส่งออกในปีนี้จะเป็นกลไกให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ โดยตั้งเป้ามูลค่าส่งออกปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1ล้านล้านบาท
นายพิชัย กล่าวว่า ปัญหาอย่างเดียวคือต้องแก้หนี้ในประเทศแต่ปัญหาคือเงินในประเทศมีน้อย จึงต้องหาเงินจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศ อยากให้เข้าใจว่าเงินหมุนเวียนมีน้อยและหนี้มีเยอะการแก้ปัญหาจึงต้องหาเงินจากต่างประเทศ ทั้งการลงทุน เช่น TikTok มาลงทุนในไทยเพราะเรามีโครงสร้างพื้นฐานมีมีความรู้ความชำนาญ มีบุคลากร ยืนยันว่าจะทำให้เศรษฐกิจเราดี และเร่งส่งออกและส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อหมุนเวียนให้ขยายตัวได้ หากแก้เรื่องนี้ได้ก็จะดีขึ้นและอยากให้แบงค์ชาติช่วยในการยืดหนี้ออกไป หลังจากที่มีมาตรการปรับลดดอกเบี้ยไปแล้ว
“ขอให้ใจเย็นๆ อะไรที่เป็นปัญหาเราก็พยายามแก้ไข เรื่องข้าว เราพยายามจะช่วยชาวนา ทำให้เร็วขึ้นและมีรายได้เพิ่มขึ้น มีผลตอบแทนต่อไร่เพิ่มขึ้น ขณะนี้ผลตอบแทนต่อไร่ 2,500 บาท แต่ถ้าปลูกผลไม้ 5,000 บาทต่อไร่ จึงต้องสนับสนุนการปลูกพืชอื่นเสริมชาวนาอยู่ดีอยู่ดีกินดี “
