
ศาลแพ่งยกเลิกวันนัดสืบพยาน คดีครอบครัว “บิลลี่ พอละจี” ฟ้องกรมอุทยานฯ เรียกค่าสินไหม 26 ล้านบาท ชี้ต้องรอผลคดีอาญาถึงที่สุดก่อน
วันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2568) มูลนิธิผสานวัฒนธรรมรายงานว่า ศาลแพ่งมีคำสั่งเลื่อนการสืบพยานโจทก์ ในคดีที่ครอบครัวของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ “บิลลี่” ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เรียกค่าสินไหมทดแทนจำนวน 26 ล้านบาท
โดยในวันนี้ ศาลแพ่งมีคำสั่งแจ้งให้ฝ่ายโจทก์ไม่ต้องนำพยานมาสืบ เนื่องจากเห็นว่าการสืบพยานผู้เชี่ยวชาญที่กำหนดไว้ในวันนี้ ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับประเด็นหลักของคดี และควรรอให้คดีอาญาซึ่งเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของบิลลี่มีคำพิพากษาถึงที่สุดก่อน
แม้ทนายโจทก์จะแถลงต่อศาลว่า การสืบพยานเพียงปากเดียวในวันนี้ ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการพิจารณาคดี และยังเป็นการอำนวยความยุติธรรมแก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นประชาชน แต่ศาลเห็นว่าไม่ควรสืบพยานในวันนี้ โดยยืนยันว่าการเลื่อนวันนัดไม่ได้เป็นการตัดสิทธิ์โจทก์ และสามารถนำพยานปากนี้มาสืบได้ในภายหลัง
ด้าน น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ “มึนอ” ภรรยาของบิลลี่ ได้แถลงต่อศาลว่า “อยากขอความกรุณาจากศาลให้พิจารณาพยานผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศก่อน ส่วนตนและพยานคนอื่นๆ สามารถมาให้การในวันหลังได้”
สำหรับคดีนี้ ครอบครัวบิลลี่ได้ยื่นฟ้องกรมอุทยานฯ ต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 โดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่ในสังกัดของกรมอุทยานฯ ได้กระทำละเมิดตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 นำไปสู่การหายตัวไปและการเสียชีวิตของบิลลี่
ค่าสินไหมทดแทนที่ครอบครัวบิลลี่เรียกร้องครอบคลุมถึง ค่าเสียหายต่อทรัพย์สิน ค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ค่าเสียหายต่อสิทธิ เสรีภาพ และชีวิต ค่าเสียหายต่อจิตใจ ค่าขาดแรงงานในครัวเรือน และค่าขาดไร้อุปการะ รวมเป็นเงินต้นกว่า 26 ล้านบาท
ในคดีนี้ ฝ่ายโจทก์มีพยานที่จะนำเข้าสืบต่อศาลทั้งหมด 9 ปาก ขณะที่ฝ่ายจำเลยมีพยาน 6 ปาก รวมทั้งหมด 15 ปาก อย่างไรก็ตาม กระบวนการสืบพยานในคดีแพ่งอาจต้องรอผลคดีอาญาที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุดก่อน