
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผย ฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯ สร้างผลกระทบทั้งสุขภาพและเศรษฐกิจ ค่าเสียโอกาสจากปัญหาสุขภาพพุ่ง 3,000 ล้านบาทใน 1 เดือน
สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ส่งผลกระทบหนัก
เมื่อวันที่ 24 มกราคม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่เกินค่ามาตรฐานติดต่อกันนานกว่า 1 สัปดาห์ (18-26 มกราคม 2568) ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ อาทิ โรคภูมิแพ้ และโรคระบบทางเดินหายใจ ซึ่งในปัจจุบันมีจำนวนผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศราว 12 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ค่าเสียโอกาสด้านสุขภาพพุ่งสูง
ศูนย์วิจัยคาดการณ์ว่า ค่าเสียโอกาสที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของประชาชนในกรุงเทพฯ ตลอด 1 เดือนจะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท ตัวเลขนี้รวมค่าใช้จ่ายจากการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับฝุ่น PM 2.5 อาทิ ค่ารักษาพยาบาลและค่าเดินทาง ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 1,800-2,000 บาทต่อครั้งสำหรับผู้ป่วย 50% ของผู้ที่มีอาการรุนแรง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการป้องกัน เช่น การซื้อหน้ากากอนามัยและเครื่องฟอกอากาศ
นอกจากนี้ ผลกระทบทางเศรษฐกิจยังรวมถึงการหยุดกิจกรรมกลางแจ้ง การทำงานที่บ้าน การหยุดเรียน และการลดกิจกรรมทางการท่องเที่ยว ทำให้เกิดผลกระทบในมิติอื่นๆ ที่ยังประเมินเป็นตัวเลขได้ยาก
ความเสี่ยงระยะยาวและผลกระทบเชิงโครงสร้าง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเตือนว่า ผลกระทบระยะยาวจากมลพิษ PM 2.5 อาจสร้างความเสียหายต่อสุขภาพประชาชนในรูปแบบของโรคเรื้อรัง เช่น โรคปอด และโรคหัวใจ ตลอดจนกระทบต่อเป้าหมายของประเทศในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจ การท่องเที่ยว และการแพทย์
แนวทางแก้ปัญหาที่ต้องเร่งด่วน
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้มีมาตรการลดฝุ่นละอองอย่างเร่งด่วน ทั้งในเชิงการจัดการมลพิษ การรณรงค์ความตระหนักรู้ และการปรับปรุงคุณภาพอากาศ เพื่อบรรเทาผลกระทบทั้งในระยะสั้นและระยะยาว