นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในปาฐกถา “Thailand is Ready for the Challenges” ในงานวันนักการตลาดแห่งประเทศไทย โดยระบุว่าปี 2568 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเศรษฐกิจไทย พร้อมตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่า 3% แม้การประเมินจากนักวิเคราะห์ ธนาคารโลก (World Bank) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จะอยู่ที่ไม่เกิน 3%
นายพิชัยชี้ว่า สัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเริ่มปรากฏชัดเจน ตัวเลขการบริโภคภาคเอกชนในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2567 ขยายตัวถึง 5.1% ส่วนการลงทุนภาคเอกชนมีมูลค่าการขอส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ใน 9 เดือนแรกสูงถึงกว่า 7 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 10 ปี
การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน: ปัจจัยเร่งการเติบโต
การลงทุนภาครัฐยังคงเดินหน้าโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ อาทิ โครงการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง และการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ซึ่งล้วนเป็นหัวใจสำคัญในการลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและขยายตัวของภาคการส่งออก
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมุ่งพัฒนาภาคธุรกิจสีเขียว เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่เน้นความยั่งยืน
ภาคส่งออกและการท่องเที่ยว: เสาหลักเศรษฐกิจไทย
ภาคการส่งออกของไทยเริ่มฟื้นตัว โดยสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมแปรรูปยังคงเป็นหัวใจหลัก รัฐบาลเน้นการสร้างแบรนด์และการเพิ่มมูลค่าสินค้าผ่านการเชื่อมโยงตลาดโลก
ด้านการท่องเที่ยว นายพิชัยเผยเป้าหมายในปี 2568 ที่จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยกว่า 39.8 ล้านคน โดยรัฐบาลต้องการเพิ่มมูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้เป็นจุดขาย
อุปสรรคและความท้าทายทางเศรษฐกิจปี 2568
นายพิชัยระบุว่า ไทยต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และการย้ายฐานการผลิตของประเทศมหาอำนาจ นอกจากนี้ การแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ยังถือเป็นความท้าทายสำคัญ โดยไทยต้องพัฒนาตนเองให้กลายเป็นฐานการผลิต EV ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค
ในส่วนของนโยบายเศรษฐกิจ กระทรวงการคลังจะทบทวนระบบภาษีเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตทางธุรกิจ และสนับสนุนแหล่งเงินทุนให้ครอบคลุม ตั้งแต่รายย่อยไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
รัฐบาลพร้อมสนับสนุนทุกภาคส่วน
นายพิชัยย้ำว่า รัฐบาลพร้อมรับฟังข้อเสนอจากทุกภาคส่วนและสนับสนุนการเติบโตในทุกมิติ โดยมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง ด้วยจุดแข็งที่ไทยมี ทั้งทำเลที่ตั้ง ทรัพยากร และศักยภาพของประชากร
“หากทุกฝ่ายจับมือกันและเดินไปในทิศทางเดียวกัน เศรษฐกิจไทยจะสามารถเปลี่ยนผ่านและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในปี 2568” นายพิชัยกล่าวปิดท้าย