องค์การขนส่งมหานครนิวยอร์ก (MTA) เปิดเผยว่าได้บังคับใช้แผนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการจราจรคับคั่ง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทางตอนล่างและตอนกลางของย่านแมนฮัตตันในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ ในวันอาทิตย์ (5 ม.ค.) ส่งผลให้นิวยอร์กเป็นเมืองแรกของสหรัฐฯ ที่จะบังคับใช้แผนดังกล่าว
องค์การฯ ระบุว่าจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมกับยานยนต์ที่เข้าสู่เขตบรรเทาการจราจรคับคั่ง (Congestion Relief Zone – CRZ) โดยอัตราค่าธรรมเนียมจะขึ้นอยู่กับประเภทของยานยนต์ ช่วงเวลาของวัน การลดหย่อนค่าธรรมเนียม และวิธีการชำระเงินที่มีส่วนลดและข้อยกเว้น ที่บังคับใช้กับผู้ขับขี่หรือยานยนต์บางประเภท
โดยผู้ขับขี่ส่วนใหญ่จะถูกเรียกเก็บเงิน 9 ดอลลาร์ต่อวัน หรือราว 311 บาท เพื่อเข้าสู่เขตที่มีการจราจรคับคั่งในชั่วโมงเร่งด่วน และ 2.25 ดอลลาร์ หรือ 78 บาทในช่วงเวลาอื่นๆ ส่วนรถบรรทุก หรือ รถโดยสารที่ไม่ใช่รถประจำทางก็จะถูกเก็บค่าธรรมเนียมที่ 14.40 ดอลลาร์ (ราว 499 บาท) สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่และรถโดยสารท่องเที่ยวจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 21.60 ดอลลาร์ (ราว 748 บาท)
ยานยนต์โดยสารและยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก รถบรรทุก รถบัส และจักรยานยนต์ที่เข้าสู่เขตบรรเทาการจราจรคับคั่งจะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมวันละครั้ง ขณะที่ผู้โดยสารรถแท็กซี่และรถเช่าจะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการเดินทางเข้าออกแต่ละครั้ง รวมถึงการอยู่ภายในหรือการขับผ่านเขตดังกล่าว
นอกจากนี้ อัตราค่าธรรมเนียมจะถูกปรับขึ้นในปี 2028 และ 2031 เนื่องจากองค์การฯ จะยกเลิกส่วนลดร้อยละ 40 ที่ได้เสนอให้ในช่วงเริ่มต้น
องค์การฯ คาดว่าแผนกำหนดราคาค่าธรรมเนียมนี้จะส่งผลให้จำนวนยานยนต์ที่เข้าสู่เขตบรรเทาการจราจรคับคั่งลดลงร้อยละ 10 และรถยนต์ที่วิ่งผ่านเขตดังกล่าวลดลงร้อยละ 5 ซึ่งจะมีการใช้ระบบแจ้งค่าใช้จ่ายผ่านทางระบบ EZ Pass ซึ่งมีกล้องวงจรปิดกว่า 1,400 ตัวครอบคลุมช่องทางจราจรกว่า 400 ช่องจราจร โดยมีจุดตรวจจับกว่า 110 จุด และป้ายจราจรกว่า 800 ป้าย
องค์การฯ ยังคาดว่าจะสามารถเพิ่มรายได้ปีละ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.45 หมื่นล้านบาท) เพื่อสนับสนุนแผนการใช้จ่ายเงินทุน ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.17 แสนล้านบาท)
อนึ่ง ข้อถกเถียงเกี่ยวกับแผนการเก็บค่าธรรมเนียมนี้ส่งผลให้เกิดคดีความหลายคดีในนิวยอร์กและนิวเจอร์ซี แต่ทว่าฝ่ายต่อต้านไม่สามารถขัดขวางการบังคับใช้แผนงานดังกล่าวได้
ที่มา – ซินหัว