วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 พล.ต.ท.ดาโต๊ะ มูฮัมหมัดยูโซฟ บินมามะ ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ได้แถลงการณ์เกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดสำหรับการเดินทางเข้าออกระหว่างไทยกับมาเลเซียอย่างผิดกฎหมาย โดยจะเริ่มกวดขันจับกุมตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป
ในการแถลงข่าว ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตันได้ระบุว่าทางการมาเลเซียจะมีมาตรการตรวจสอบเส้นทางตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะสำหรับชาวมาเลเซียที่เดินทางเข้าไปประเทศไทยผ่านท่าเรือผิดกฎหมาย หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบจะต้องถูกจับกุมทันที การเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศไทยและมาเลเซียจะต้องใช้บอเดอร์พาสหรือพาสปอร์ตเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการนำสิ่งเสพติดหรืออาวุธกลับเข้าประเทศมาเลเซีย ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ
ผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรการนี้จะต้องถูกจับกุมและปรับเป็นเงินสูงสุดถึง 10,000 ริงกิต หรือประมาณ 77,607 บาท หรืออาจถูกทั้งจำทั้งปรับ จำคุกสูงสุด 5 ปี มาตรการนี้เกิดขึ้นหลังจากที่นักร้องชื่อดัง นางสาววันโนรซาฮีดาอัชลิน บินตี วันอิสมาอีล ถูกจับกุมพร้อมยาบ้า 6,060 เม็ด ที่โรงแรมในสุไหงโก-ลก เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งทำให้ประเทศมาเลเซียเสียชื่อเสียง
ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทหารมาเลเซียได้ทำการติดตั้งป้ายประกาศเกี่ยวกับมาตรการใหม่ตามแนวชายแดน โดยมีใจความว่า บุคคลใดที่เข้าออกจากชายแดนไทย-มาเลเซีย ผ่านประตูที่ไม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา อาจถูกจับกุมและปรับตามกฎหมาย
ด้านแม่ค้าร้านขายยำและร้านขายก๋วยเตี๋ยวในพื้นที่ต่างแสดงความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการนี้ โดยระบุว่าการปิดด่านธรรมชาติจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจและการเดินทางของลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลเซีย
เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงของประเทศมาเลเซียเปิดเผยว่า มาตรการเข้มงวดนี้มีเป้าหมายหลายประการ รวมถึงการป้องกันการลักลอบยาเสพติดและลดการสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวของชาวมาเลเซียที่เดินทางไปประเทศไทย โดยเชื่อว่ามาตรการนี้จะช่วยสกัดกั้นกลุ่มคนร้ายที่อาจหลบหนีไปยังประเทศมาเลเซียได้อย่างมีประสิทธิภาพ