วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 ที่สำนักงานทนายคชายทุกข์ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายคลายทุกข์ ได้โทรโทรศัพท์ถึงนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา สอบถามถึงกรณีที่เคยมีประเด็นกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ในอดีตที่เคยมีประเด็นในกรณีหวย 30 ล้าน ว่า ในวันพรุ่งนี้จะนำโอเลี้ยงกับข้าวผัดไปฝากทนายตั้มที่ กองปราบในเวลา 10.00 น. โดยจะไปเยี่ยมในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมห้อง
“จะไปเยี่ยมในฐานะเพื่อนร่วมห้อง บรรยากาศเหงาๆเงียบๆ พื้นปูหินอ่อน” ครูปรีชากล่าว
ครูปรีชาเผยว่า ไม่ได้ไปเยาะเย้ย เพราะไปในฐานะกัลยาณมิตร จะเอาข้าวผัดใส่ไข่ กับโอเลี้ยงไปเยี่ยม ซึ่งตนได้คุยกับทนายตั้มเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมาในรีสอร์ท ในจังหวัดบึงกาฬ โดยจับมือคืนดีเป็นเพื่อนกันแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้แค้นสู้กันด้วยลูกผู้ชาย พร้อมกล่าวว่า “ไอ้ตั้มมันร้ายมาตั้งนาน”
ครูปรีชากล่าวทิ้งท้ายว่า มนุษย์ทุกคนเป็นไปตามกรรม ตอนนี้ทนายตั้มต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ให้ด้วยความเสน่หา กับไม่เสน่หาคืออะไร คำว่าเสน่หาคือด้วยความรักความห่วงใยความเมตตา แต่ทนายตั้มก็ต้องเอาหลักฐานมาสู้ให้ได้ เท่าที่ดูก็เป็นกำลังใจให้ทนายตั้ม และมาดามอ้อยด้วย
ต่อมา ทนายเดชาได้โทรสอบถามไปหา นายรณรงค์ แก้วเพชร หรือทนายรณรงค์ ในกรณีที่อดีตเคยสนิทกับทนายตั้ม ซึ่งตอนนี้ทนายรณรงค์ไม่ได้สนิทแล้วว่า ตอนนี้ยังห่างกันอยู่ แต่ก็ขอให้ให้กำลังใจ เพราะก่อนหน้านี้ ทนายรณรงค์ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ในทำนองให้ทนายตั้มคืนเงิน ซึ่งก็ยืนยันตามที่โพสต์ไปในเฟซบุ๊กตั้งแต่แรกเพราะเคยเตือนทนายตั้มถึงเรื่องนี้แล้ว แต่ก็ถูกทนายตั้มด่ากลับมาและพูดเสียดสีในทำนองว่าภรรยามีชู้ ซึ่งมองว่าทนายตั้มหาว่าตนหวังไม่ดี แต่ตนไม่ได้โกรธ
เมื่อทนายเดชาถามว่าทนายตั้มจะได้ประกันตัวหรือไม่ ทนายรณรงค์เผยว่าไปสระแก้วก็รู้ดีอยู่แล้วว่าพยายามหลบหนี ออกทางช่องทางธรรมชาติ ยืนยันว่าตอนนี้ยังอยู่ในไลน์กลุ่มแต่ขอห่างไปก่อนช่วงนี้ ทั้งยังให้ไปถามคนที่สนิท กลัวว่าจะโดนออกหมายจับไปด้วย ซึ่งไม่ขอตอบว่าเป็นใคร