การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งสำคัญกำลังจะมาถึงในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 โดยมีผู้สมัครหลักสองคนคือ คามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต และโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน
ผลสำรวจล่าสุดจากสำนักข่าว NBC เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม แสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายมีคะแนนนิยมสูสีกันมาก โดยต่างได้รับการสนับสนุนที่ร้อยละ 48 เท่ากัน ซึ่งทำให้หลายฝ่ายยังคงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด ในขณะที่อีกหลายโพลล์ ให้แฮร์ริส มีคะแนนนำทรัมป์อยู่ แต่ตัวเลขที่นำก็ยังอยู่ในระดับที่เรียกว่า หายใจรดต้นคอ ไม่ได้นำขาดมากนัก
ดังนั้น ตัวตัดสินจึงถูกจับตาไปที่ รัฐสมรภูมิ (Swing States) ซึ่งในการเลือกตั้งปี 2024 มี 7 รัฐที่ถูกจับตามองว่าเป็นรัฐสมรภูมิสำคัญ ได้แก่:
- แอริโซนา (Arizona) – คณะผู้เลือกตั้ง 11 คน
- จอร์เจีย (Georgia) – คณะผู้เลือกตั้ง 16 คน
- มิชิแกน (Michigan) – คณะผู้เลือกตั้ง 15 คน
- เนวาดา (Nevada) – คณะผู้เลือกตั้ง 6 คน
- นอร์ทแคโรไลนา (North Carolina) – คณะผู้เลือกตั้ง 16 คน
- เพนซิลเวเนีย (Pennsylvania) – คณะผู้เลือกตั้ง19 คน
- วิสคอนซิน (Wisconsin) – คณะผู้เลือกตั้ง 10 คน
แม้ว่าคะแนนนิยมจากประชาชน (Popular vote) จะมีความสำคัญ แต่ตัวตัดสินที่แท้จริงคือจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ซึ่งมีทั้งหมด 538 คน ผู้ชนะต้องได้รับคะแนนอย่างน้อย 270 คะแนน และรัฐเหล่านี้มีคณะผู้เลือกตั้งรวมกัน 93 คน คิดเป็น 17% ของทั้งหมด
รัฐสมรภูมิคืออะไร?
รัฐสมรภูมิ หรือ Swing States เป็นรัฐที่มีคะแนนนิยมระหว่างผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันสูสีกันมาก จนไม่สามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน รัฐเหล่านี้มักจะเป็นตัวกำหนดผลการเลือกตั้งในท้ายที่สุด
สถานการณ์ล่าสุดในรัฐสมรภูมิ (Swing States)
ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดจาก The New York Times และ Siena College เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2024 แสดงให้เห็นว่า:
- โดนัลด์ ทรัมป์ นำในอีก 3 รัฐที่เหลือ: แอริโซนา, จอร์เจีย และเนวาดา
- คามาลา แฮร์ริส นำเล็กน้อยใน 4 รัฐ: นอร์ทแคโรไลนา, เพนซิลเวเนีย, มิชิแกน และวิสคอนซิน
เว็บไซต์ 270ToWin ได้รายงานผลสำรวจในวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ระบุว่า ทรัมป์ยังคงมีคะแนนนิยมนำอยู่ใน 5 รัฐ จาก 7 รัฐสมรภูมิ ได้แก่:
- เพนซิลเวเนีย
- เนวาดา
- นอร์ท แคโรไลนา
- จอร์เจีย
- แอริโซนา
ส่วนคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต มีคะแนนนำใน 2 รัฐ คือ:
- มิชิแกน
- วิสคอนซิน
ในขณะที่ ผลสำรวจความคิดเห็นครั้งสุดท้ายของนิวยอร์กไทมส์/เซียนาคอลเลจ ระบุว่า แฮร์ริส มีคะแนนนำใน รัฐเนวาดา นอร์ทแคโรไลนา และวิสคอนซิน ส่วนทรัมป์มีคะแนนนำในรัฐแอริโซนา ที่เหลืออีก 3 รัฐ คือ มิชิแกน จอร์เจีย และเพนซิลเวเนีย ทั้งคู่มีคะแนนสูสีกัน
สำหรับในแอริโอนา การเลือกตั้งปี 2020 โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งในรัฐนี้ โดยเอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันไปด้วยคะแนนเพียง 10,000 คะแนน นี่แสดงให้เห็นว่าแอริโซนาเปลี่ยนจากรัฐที่สนับสนุนพรรครีพับลิกันในปี 2016 มาเป็นรัฐที่สนับสนุนพรรคเดโมแครตในปี 2020
ส่วนที่มิชิแกน ในการเลือกตั้งปี 2020 โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งในรัฐนี้ โดยเอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันไปด้วยคะแนน 150,000 คะแนน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามิชิแกนเปลี่ยนจากรัฐที่สนับสนุนพรรครีพับลิกันในปี 2016 มาเป็นรัฐที่สนับสนุนพรรคเดโมแครตในปี 2020
อย่างไรก็ตามผลการสำรวจคะแนนนิยมล่าสุด ของ ไฟว์ เทอร์ตี้เอ็ท และ เอบีซี แฮร์ริสยังคงนำทรัมป์อยู่ที่ 48% ต่อ 47% ดังนั้น
ประเด็นสำคัญในการตัดสินใจ
เศรษฐกิจถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทั้งสองฝ่ายจึงต้องนำเสนอนโยบายและวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ