วันที่ 24 ตุลาคม 2567 นางชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้ออ้อ เป็นหนึ่ง เดินทางมาที่ กองบังคับการปราบปราม เพื่อนำเอกสารหลักฐานมามอบให้เจ้าหน้าที่เพิ่มเติมเกี่ยวกับคดี ดิ ไอคอน โดย ต้นอ้อ เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานมาทางตนและนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา ว่าอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมของผู้เสียหายที่เดินทางมาแจ้งความเมื่อวันที่ 10 ต.ค. เนื่องจากผู้เสียหายที่เดินทางไปแจ้งความวันแรกมีข้อมูลที่ยังไม่เพียงพอ โดยเอกสารที่นำมาแจ้งความในวันนั้นเป็นเอกสารที่เปิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นสำหรับกรณี ดิ ไอคอน กรุ๊ป ในส่วนของกลุ่มผู้เสียหายที่ร้องเรียนมาทางตน
ส่วนจำนวนผู้เสียหายในกลุ่มของตน ขณะนี้มีแล้วประมาณ 2,000 กว่าราย และตนพยายามจะเก็บรายละเอียดข้อมูลของผู้เสียหายว่า ใครถูกชักชวนอย่างไร จึงหลงเชื่อเข้าไปทำธุรกิจนี้ ซึ่งขณะนี้มีการจัดทำฐานข้อมูลแล้วประมาณ 600 รายและมีมูลค่าความเสียหาย รวมแล้ว 197 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในกลุ่มผู้เสียหายของตนก็มีการติดตาม
ความคืบหน้าของคดี โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่ค่อนข้างเกิดความกังวล เพราะเริ่มมีกระแสว่า ผู้ต้องหาอาจจะหลุดคดีหรือไม่ ซึ่งจากการให้สัมภาษณ์ของทนายความบอสพอล ก็เข้าใจดีว่า ทนายความของผู้ต้องหาก็มีสิทธิ์ที่จะพูดในทางบวกให้กับลูกความของตนเอง ผู้เสียหายจึงเกิดความกังวลว่า คดีจะพลิกหรือเกิดมวยล้มต้มคนดูหรือไม่ ซึ่งเราก็ได้ให้คำมั่นสัญญาว่า ตอนนี้ให้รอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงาน เรามีหน้าที่แค่รอ แต่หากใครมีหลักฐานเพิ่มเติมก็ให้ส่งมา หรือมีคนไหนที่อยากจะเข้ามาแสดงความรับผิดชอบหรือความบริสุทธิ์ใจว่า ตนเองไม่ได้รับรู้หรือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นข้อผิดพลาดไปแล้วก็มาแจ้งได้ ซึ่งขณะนี้ตนก็มีข้อมูลของผู้ที่เคยใช้สินค้า และไม่ได้ผล แต่ก็ถูกว่าจ้างให้รีวิว ในจำนวนเงิน 5,000 บาท ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับค่าจ้าง
เมื่อถามว่า ในส่วนตัวยังมีความเชื่อมั่นกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ ต้นอ้อ กล่าวว่า ในเวลานี้ ตนยังเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ขณะนี้กระแสในโซเชียลแตกเป็น 2 ทาง คือฝั่งที่เห็นใจ บอสพอล และฝั่งที่เห็นใจผู้เสียหาย โดยฝั่งที่เห็นใจบอสพอล มีการชื่นชมว่า เก่งและมีการวางแผนดี แต่ตนมองว่าเป็นการทำให้ผู้เสียหายหมดกำลังใจในการต่อสู้ เพราะเกิดความกังวล แต่ก็เป็นสิทธิ์ที่แต่ละคนจะมอง แต่ในส่วนของผู้เสียหายก็ยังเกิดความกังวล โดยเฉพาะเรื่องของเทวดา ทำไมเงียบหายไป และเริ่มมีเรื่องอะไรเข้ามาต่างๆ มากมายวุ่นวาย ซึ่งตนจะไม่ไปยุ่งในมุมนั้น แต่ขอช่วยเหลือผู้เสียหายอย่างเดียว
ต้นอ้อ ย้ำว่า ตอนนี้อยากให้การทำคดีรวดเร็วและรัดกุม ซึ่งส่วนตัวก็เข้าใจกระบวนการของตำรวจ แต่ประชาชนทั่วไปก็ยังมาถามว่า แจ้งความไปแล้วเมื่อไร จะได้เงินคืน ซึ่งตนเข้าใจว่า จะต้องมีขั้นตอนตามลำดับ จึงอยากให้ผู้เสียหายใจเย็นๆ อย่างน้อย อดทนรอเรื่องนี้มา 2-3 ปีแล้ว ดังนั้นเข้าสู่กระบวนการกฎหมายแล้ว จึงให้ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ทำงาน และตนก็เชื่อมั่นว่าทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็จะรัดกุมในการดำเนินคดี แม้ว่าจะช้า แต่เชื่อว่าสิ่งที่ช้า จะรัดกุมและทำให้รูปคดีเป็นประโยชน์กับผู้เสียหาย
ส่วนที่ก่อนหน้านี้ทีการโยงว่า ต้นอ้อ เป็นนักร้องเรียนหญิงตบทรัพย์ ต้นอ้อ บอกว่า ตนมั่นใจว่า ตนไม่ได้ไปอยู่ในลิสต์ที่ไปตบทรัพย์ใคร ส่วนเรื่องราวในอดีตของตนอาจจะเป็นเรื่องขี้เล็บเลยก็ได้ หากเทียบกับคนที่ไปเรียกตบทรัพย์ ยืนยันว่า ตนไม่เคยไปแฝงตัว อยากให้คนเสพข่าวไม่ใช้อคติ พอตนโพสต์ชี้แจงก็หาว่าร้อนตัว อีกทั้งขอยืนยันว่า ตนสามารถตรวจสอบได้ และมั่นใจว่าไม่เคยเรียกรับเงินจากผู้เสียหาย
ส่วนกรณีที่ทางตำรวจฝากไปถึงผู้ที่จะนำข้อมูลมาให้ให้ตรวจสอบข้อมูลให้ดีเสียก่อนจนอาจจะทำให้หลายคนไม่กล้าที่จะเข้ามาช่วยเหลือ ต้นอ้อ บอกว่า ส่วนตัวมองว่า ดิ ไอคอนเป็นกรณีที่ใหญ่ เพราะต่างประเทศก็มีการรายงานข่าว ในมุมของตนเอง เวลาที่มีผู้เสียหายทักเข้ามา ตนก็ต้องขอหลักฐานมีหรือไม่ พูดลอยๆ ไม่ได้ การที่จะนำพยานออกมาแล้วไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน อย่างเช่น กรณีของ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ หรือ เอก สายไหมต้องรอด ตนมองว่า เขาอยากช่วย แต่ข้อมูลคนที่มาแจ้งอาจจะให้ข้อมูลที่ซับซ้อน แล้วเราอาจจะไม่รู้ขั้นตอนทุกอย่าง แต่ยืนยันว่า เขาคงไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้รูปคดีเสียหาย