วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจทางหลวง ได้นำขบวนรถกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุรถบัสทัศนศึกษาเกิดเพลิงไหม้ ด้วยรถกู้ภัย 4 คัน คันละ 2 ร่าง เพื่อพิสูจน์ทราบเอกลักษณ์บุคคลแล้ว โดยจะมีการเคลื่อนย้ายร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ศพ ครั้งละ 4 คัน จำนวน 4 ครั้ง เมื่อมาถึงทางพฐ.ได้ติดสายรัดข้อมือระบุหมายเลขจากนั้นได้เคลื่อนย้ายเข้าห้องเพื่อรอการชันสูตรในวันพรุ่งนี้ (2 ต.ค. 67)
ด้านพ่อของเด็กนักเรียนที่ยังสูญหาย เปิดเผยว่า ตนเองมีลูก 3 คน โดยตัวเองทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ เมื่อสามวันก่อนได้กลับบ้านที่จังหวัดอุทัยธานีทางลูกชายได้เล่า และขออนุญาตว่าจะมาทัศนศึกษาเพื่อดูหมูเด้ง ซึ่งลูกมีอาการดีใจที่จะได้เดินทางมาครั้งนี้ แต่ไม่ได้มีลางสังหรณ์หรือลางบอกเหตุแต่อย่างใด จนกระทั่งมาทราบข่าว จึงได้ออกติดตามค้นหาพบลูก 2 คนที่อยู่ในรถคันอื่น ส่วนลูกชายคนเล็กยังหาตัวไม่พบ จึงมาติดต่อที่นิติเวช เพื่อจะทราบข้อมูล โดยยืนยันว่า ลูกจะอยู่ในสภาพใดก็จำลูกได้เนื่องจากลูกชายตัวใหญ่ที่สุดในห้อง ยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นใครก็ทำใจไม่ได้ รู้สึกแย่
ทางด้านพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม มีหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลเยียวยาให้กับครอบครัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยผู้เสียชีวิตจะได้รับการเยียวยารายละ 200,000 บาท ส่วนผู้บาดเจ็บได้รับค่ารักษาพยาบาลครั้งละ 40,000 บาท
ในขณะที่สพฐ. ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการทัวร์เพื่อละลายงบประมาณประจำปี เนื่องจากเป็นหลักสูตรประกอบการเรียนการสอน ซึ่งการเกิดเหตุครั้งนี้เป็นเรื่องของอุบัติเหตุ เพราะโดยปกติจะมีมาตรการในการดูแลเรื่องความปลอดภัยตรวจสอบสภาพรถก่อนการเดินทางทุกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะเพิ่มความเข้มในเรื่องของการทัศนศึกษาที่มีการนำนักเรียนจำนวนมากมายังสถานที่อื่น
ทางด้านพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์(สบ.8) โรงพยาบาลตำรวจเปิดเผยว่าในวันพรุ่งนี้จะจัดทีมเยียวยาจิตใจมาคอยดูแลทางญาติและครอบครัวของผู้สูญเสีย เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ ทั้งนี้ทางสถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจยืนยันว่า การดำเนินการส่งร่างกลับไปยังภูมิลำเนาไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เนื่องจากทางมูลนิธิร่วมกตัญญูจะเป็นผู้นำร่างของผู้เสียชีวิตทุกรายส่งกลับไปยังภูมิลำเนาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อป้องกันมิจฉาชีพมาแอบอ้าง