นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ ตามผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
วันนี้ (15 สิงหาคม 2567) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ยื่นเอกสารผ่านทางไปรษณีย์ ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งเรื่องนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ศาลฎีกาวินิจฉัยต่อว่า เข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ ตามผลของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ที่ให้นายเศรษฐา พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นการเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5)
นายเรืองไกร ได้ระบุในหนังสือว่า โดยผลของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ที่ว่า “ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องที่ 1 นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5)” นั้น จึงขอให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามมาตรา 234 (1) ส่งให้ศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไปว่าเข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่
นอกจากนี้ นายเรืองไกรยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ตามแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนี้ มีรัฐมนตรีอีกหลายคนที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมเช่นกัน จึงอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อส่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อไปในลำดับถัดไป โดยหากศาลฎีกาวินิจฉัยว่ากระทำผิดมาตรฐานจริยธรรมจริงตามเจตนารมณ์ของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ก็จะต้องถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไปด้วย