Microsoft ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นภายหลังจากเกิดปัญหา Blue Screen of Death เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยมีต้นตอมาจากซอฟแวร์ป้องกันภัยทางไซเบอร์ของ Crowdstrike จนทำให้เกิดผลกระทบในหลายอุตสาหกรรมด้วยกัน
โดยไมโครซอฟต์ระบุว่า ได้ประมาณการณ์จำนวนคอมพิวเตอร์ที่มีการอัปเดต Crowdstrike และนำไปสู่ปัญหาจอฟ้า จำนวน 8.5 ล้านเครื่อง
ซึ่งแม้ว่า ตัวเลขที่เกิดขึ้นนี้ จะน้อยกว่า 1% ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดว์ แต่ก็สะท้อนผลกระทบที่เกิดขึ้นกับธุรกิจ และสังคมเป็นวงกว้าง เนื่องจากองค์กรหลายแห่งได้ใช้งาน Crowdstrike เพื่อปกป้องธุรกิจของบริษัท
ปัญหาจอฟ้า ที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ถูกจัดว่า เป็นเหตุการณ์ทางไซเบอร์ครั้งที่เลวร้ายครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ และประชาชนเป็นจำนวนมาก
ซึ่งเหตุการณ์ทางไซเบอร์ครั้งที่ได้รับผลกระทบครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้คือ เหตุโจมตีทางไซเบอร์ ของแรนซัมแวร์ที่ชื่อว่า WannaCry ส่งผลให้มีเครื่องที่ติดไวรัสตัวนี้มากกว่า 2.3 แสนเครื่อง ใน 150 ประเทศ เมื่อปี 2017
ยกเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ
ผลกระทบที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทำให้หลายองค์กรกำลังประเมินทางเลือกในการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากการใช้บริการซอฟแวร์แบบรวมศูนย์เช่นนี้ แม้ว่า จะมีข้อดี แต่หากไม่มีแนวทางแก้ไข หรือแผนสำรองสำหรับรับมือ ก็จะส่งผลให้เกิดความเสียหายได้ในวงกว้าง
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญในอังกฤษระบุว่า สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลต้องคิดถึงให้มากขึ้น คือการที่ รัฐบาลไม่มีอำนาจในการดำเนินการป้องกัน หรือปกป้องสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้ และสะท้อนให้เห็นการพึ่งพาเทคโนโลยีหนึ่งเทคโนโลยีใดมากเกินไป
สำหรับประเทศอังกฤษนั้นประสบปัญหาระบบบริการสุขภาพ ไม่สามารถให้บริการได้ เนื่องจากระบบล่มด้วยเช่นกัน ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมาก ไม่สามารถจองนัด หรือรับใบสั่งยาได้ ในขณะที่ผู้ป่วยบางส่วนต้องเลื่อนการรักษา เช่น การผ่าตัดออกไป จากปัญหาดังกล่าว