Khmer Times สื่อฯ ของกัมพูชาได้รายงานความคืบหน้าของการเดินหน้าโครงการขุดคลองฟูนัน-เตโช มูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท โดยได้มีการเผยแพร่ภาพคนงาน และเครื่องจักรต่าง ๆ ที่เริ่มต้นในการขุดเปิดพื้นที่โครงการบางส่วน เพิ่มเตรียมจัดงานศิลาฤกษ์โครงการก่อสร้างคลองฟูนันเทโชในวันที่ 5 สิงหาคมนี้
สื่อกัมพูชาได้รายงานว่า ผลการประชุมระหว่างตัวแทนและหน่วยงานต่าง ๆ ของกัมพูชาได้ยืนยันในรายละเอียดของการดำเนินงานว่า จะมีการเฉลิมฉลองโครงการขนาดใหญ่โครงการนี้ ในวันที่ 5 สิงหาคม 2567 พรอ้มทั้งขอเชิญประชาชนและหน่วยงานร่วมกันแสดงออกถึงความสมัคคี โดยการตีฆ้องและกลอง ในวันที่ 5 สิงหาคม 2567 เวลา 9.09 น. ซึ่งเป็นเวลาที่จะมีการวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างคลองฟูนันเทโช
พร้อมทั้งยังเชิญชวนให้ชาวกัมพูชาร่วมกันแสดงออกผ่านทางช่องทางโซเซียลมีเดีย เพื่อเผยแพร่เหตุการณ์ครั้งสำคัญนี้ด้วย
สำหรับคลองฟูนันเตโชนี้ มีมูลค่าราว 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 6.1 หมื่นล้านบาท ในการขุดคลองความยาว 180 กม. กว้าง 100 ม. เพื่อเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าทางน้ำจากบริเวณท่าเรือในกรุงพนมเปญ ออกสู่อ่าวไทย ทดแทนการขนส่งทางเรือผ่านแม่น้ำโขง จากท่าเรือในประเทศเวียดนามแทน
โดยทางการกัมพูชาคาดการณ์ว่า โครงการนี้จะสร้างรายได้ 88 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ได้ตั้งแต่ในปีแรก และเพิ่มขึ้นเป็น 570 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปีภายในปี 2593
ส่วนที่มาของแหล่งเงินกู้ในโครงการนี้ จะเป็นโครงการที่อยู่ภายใต้กรอบโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) ของจีน โดยบริษัทจีนจะทำสัญญา BOT โดยให้เอกสชนที่รับสัมปทานได้รับสิทธิในการหาผลตอบแทนจากการดำเนินงานตามระยะเวลาที่กำหนด มูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์ และเมื่อคืนทุนแล้วก็จะส่งมอบคลองให้กับหุ้นส่วนในกัมพูชาในอีก 40 ถึง 50 ปีให้หลัง อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลระบุว่า เงินกู้ในโครงการนี้ มีอัตราดอกเบี้ยราว 7-10%
ในขณะที่นายกฯ ของกัมพูชา ระบุว่า หน่วยงานของกัมพูชาจะเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ คือ 51% ของโครงการนี้ และที่เหลือจะเป็นผู้ถือหุ้นรายอื่น ๆ ซึ่งคาดว่า จะเป็นบริษัทผู้รับเหมาของโครงการนี้
กัมพูชาประเมินต้นทุนต่ำไป – คาดการณ์รายได้สูงเกิน
บริษัทวิจัยตลาด Mordor Intelligence คาดว่า โครงการนี้อาจจะส่งผลกระทบได้ เนื่องจากมูลค่าการก่อสร้าง 1.7 พันล้านดอลลาร์นั้น อาจจะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ได้ ซึ่งเทียบกับโครงการที่คล้ายคลึงกันนี้ในประเทศจีน มีความยาว 100 กม. แต่ใช้งบประมาณรวมกันกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์
ในขณะที่การคาดการณ์อัตราการเติบโตของรายได้ที่รัฐบาลกัมพูชาประเมินไว้นั้นอยู่ที่ราว 8.1% ในระยะเวลา 25 ปีของโครงการ แต่บริษัทวิจัยประเมินว่า น่าจะอยู่ที่ราว 3.95% เท่านั้น ดังนั้นจะส่งผลให้รายได้ที่เกิดขึ้นต่ำกว่าที่คาดการณ์เกินครึ่ง
นอกจากนี้ เส้นทางขนส่งสินค้าทางน้ำของกัมพูชา ผ่านทางท่าเรือ Cai Mep หรือ Cat Lai ของเวียดนามนั้น มีระยะทางการเดินทางใกล้กว่ามาก หากโครงการนี้สำเร็จและเปิดใช้งาน จะทำให้เรือสินค้าต้องอ้อมปลายแหลมญวนปลายแหลมญวน ไปยังท่าเรือของประเทศกัมพูชา ซึ่งจะทำให้ต้นทุนของการขนส่งเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว และหากกัมพูชาไม่ตั้งข้อกำหนดให้เรือขนส่งสินค้าใช้เส้นทางดังกล่าว ก็เชื่อได้ว่า บริษัทผู้ขนส่งจะเลือกเส้นทางที่สั้นกว่า ใช้เวลาน้อยกว่า และประหยัดกว่านั่นเอง