ทางการญี่ปุ่นจับตากการเคลื่อนไหวของอัตราการแลกเปลี่ยนเงินเยนของญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด ภายหลังจากเงินเยนอ่อนค่าที่สุดในรอบ 34 ปี เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 155.74 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ว่าล่าสุด อัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนจะขยับขึ้นมาเล็กน้อยอยู่ที่ 155.62 เยน ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกลายเป็นแรงกดดันต่อรัฐบาลญี่ปุ่นที่อาจจะต้องหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาในขณะนี้ โดยเฉพาะปัญหาราคาสินค้านำเข้าที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้น และจะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่น
ทางด้านของนักลงทุนมองว่า ค่าเงินเยนอาจจะอ่อนค่าลงได้มากกว่านี้ และทะลุ 156 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งนั่นอาจจะมีการแทรกแซง หรือมาตรการอื่น ๆ จากรัฐบาลญี่ปุ่น ที่อยู่ในระหว่างการมองหาทางแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งเมื่อปลายปี 2022 ญี่ปุ่นได้มีการซื้อเงินเยนและเทขายดอลลาร์สหรัฐฯ
ท่าทีของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดเช่นกัน โดยเมื่อเดือนมีนาคม 2024 ที่ผ่านมา ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อของประเทศ
นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าญี่ปุ่น
จากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากหลั่งไหลเข้าไปท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นกันเป็นจำนวนมาก สถิตินักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมดอกซากุระบานในช่วงมีนาคมที่ผ่านมามากกว่า 3 ล้านคน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นเกิน 3 ล้านคนต่อเดือน โดยสถิตินักท่องเที่ยวสูงสุดก่อนหน้านี้ คือ 2.99 ล้านคน เมื่อเดือนกรกฎาคม 2562
โดยนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นติดอยู่ในอันดับที่ 5 มีจำนวน 1.31 แสนคน ส่วน 4 อันดับแรกประกอบไปด้วยเกาหลีใต้, จีน, ไต้หวัน, ฮ่องกง
ซึ่งจากอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลงนั้น ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากรู้สึกว่า ค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นค่าที่พัก ค่าอาหาร มีราคาที่ถูกลง ทำให้สามารถลิ้มลองอาหารญี่ปุ่นได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น
แต่แม้ว่า นักท่องเที่ยวจะหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก แต่สายการบินหลายแห่งของญี่ปุ่นยังคงกังวลต่ออัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากค่าใช้จ่ายหลายส่วนของสายการบินจำเป็นต้องใช้สกุลเงินตราต่างประเทศ จึงส่งผลต่อต้นทุนของสายการบินด้วย
