คัดลอก URL แล้ว
อาเซียนงอน หลังสิงคโปร์ผูกดีลคอนฯ ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’

อาเซียนงอน หลังสิงคโปร์ผูกดีลคอนฯ ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’

Taylor Swift ศิลปินป๊อปสตาร์ระดับโลก สร้างรายได้หลายพันล้านดอลลาร์จากผลงานเพลง ทัวร์คอนเสิร์ตของเธอ และส่งเสริมอุตสาหกรรมและภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกผ่านทางดนตรี ทัวร์ และภาพยนตร์

ซูเปอร์สตาร์ชาวอเมริกันวัย 33 ปีไม่เพียงแต่ทำลายสถิติวงการเพลงเท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีกด้วย อย่างล่าสุดที่จะมีการจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศสิงคโปร์ ก็ได้ทำตั๋วเครื่องบิน – โรงแรมของประเทศเต็มทุกแห่ง และราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ยืนยันได้ว่า แฟนเพลงอยากมาชมโชว์ของศิลปินสาวมากเพียงใด ข้อมูลจาก  South china morning post ระบุว่า คอนเสิร์ต The Eras Tour ของเทย์เลอร์ ครอบคลุมคอนเสิร์ตมากกว่า 140 รอบใน 5 ทวีป ในปี 2566 และ 2567

The Eras Tour ได้สร้างสถิติในด้านราคาตั๋ว จำนวนผู้เข้าชม และรายได้มหาศาล โดยเฉลี่ยแล้ว แฟน ๆ เกือบ 54,000 คนเข้าร่วมคอนเสิร์ตแต่ละครั้งในช่วงทัวร์อเมริกาครั้งแรก โดยจ่ายค่าตั๋วเฉลี่ย 254 ดอลลาร์ ทั้งนี้ ราคาขายต่อตั๋วคอนเสิร์ตนั้นพุ่งสูงขึ้นถึงหลักพันและหมื่นดอลลาร์ โดยการแสดง The Eras tour ในแต่ละครั้ง ทำรายได้ประมาณ 13 ล้านเหรียญ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในคอนเสิร์ตของศิลปินหญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก

หลายประเทศส่งสัญญาณไม่เห็นด้วย สิงคโปร์ดีลจัดคอนเสิร์ต เทเลอร์ สวิฟต์

นับว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของสิงคโปร์ เมื่อปรากฏการณ์ หรือการจัดงานคอนเสิร์ตครั้งใหญ่ ของสุดยอดศิลปินหญิงขวัญใจคนทั่วโลก ที่เตรียมบินลัดฟ้ามาเล่นคอนเสิร์ตในสิงคโปร์ระหว่างวันที่ 2 -9 มีนาคมนี้ และเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สาว “เทย์เลอร์” จะมาจัดแสดง

ปรากฏการณ์ดังกล่าวส่งให้ยอดการจองโรงแรมทั้งประเทศเต็มทุกห้องพัก ตั๋วเครื่องบินในช่วงก่อน และช่วงการแสดงคอนเสิร์ตแน่นทุกสายการบิน และราคาก็พุ่งสูงขึ้นเกือบเท่าตัว

รายงานคาดว่า จะมีแฟนเพลงเฉพาะในสิงคโปร์ และเพื่อนบ้านมาชมคอนเสิร์ตครั้งนี้มากกว่า 3 แสนคน โดยคอนเสิร์ตจัดขึ้นทั้งหมด 6 รอบ ราคาห้องพักในช่วงการแสดงที่แพงที่สุดพบว่าอยู่ที่ 1 ล้าน 3 แสน 3 หมื่นบาทต่อคืน ซึ่งรวมตั๋วชมการแสดงด้วย

อย่างไรก็ตาม แฟนเพลงอีกจำนวนมากมีการวิพากษ์วิจารณ์การจัดแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้ โดยมองว่าการแสดงเพียงประเทศเดียวในแถบนี้ ทำให้แฟน ๆ บางส่วนไม่สามารถไปชมได้เนื่องจากสิงคโปร์มี ‘ค่าครองชีพ’ ที่สูงติดอันดับโลก ซึ่งก็เชื่อว่ามีการดีลกับรัฐบาลเอาไว้แล้ว

โดยมีรายงานว่า รัฐบาลสิงคโปร์ ได้มีการสนับสนุนการจัดคอนเสิร์ต The Eras Tour รอบละ 100 ล้านบาท รวม 6 รอบเป็นเงิน 600 ล้านบาท เพื่อให้คอนเสิร์ตนี้เป็นคอนเสิร์ตที่เกิดขึ้นแต่เพียงประเทศเดียวในอาเซียน ซึ่งเป็นการดึงดูดแฟนๆ จากทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของสิงคโปร์ โดยมีรายงานว่า นักการเมืองและแฟนๆ บางคนจากฟิลิปปินส์ ไทย และอินโดนีเซียแสดงความไม่พอใจต่อความเคลื่อนไหวของสิงคโปร์ โดยอ้างว่ากีดกันโอกาสด้านการท่องเที่ยวและกิจกรรมทางวัฒนธรรม

ปฏิเสธไม่ได้ว่าฟิลิปปินส์ ไทย และอินโดนีเซีย ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นดังกล่าว ต่างก็อยากให้เทย์เลอร์สวิฟมาจัดคอนเสิร์ตในประเทศของตัวเอง เพราะคอนเสิร์ตของ Taylor Swift ไม่ใช่ภาพฉายในทางดนตรีเท่านั้น แต่นับเป็นพลังที่สะท้อนทั้งทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมทั่วโลก

‘Swiftonomics’ เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดย ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์

‘Swiftonomics’ เป็นคำที่ผสมผสานชื่อของเทย์เลอร์ สวิฟต์ เข้ากับเศรษฐศาสตร์ หมายถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่เกิดจากการทัวร์ของซูเปอร์สตาร์ระดับโลกรายนี้ ความสำเร็จของนักร้องสาวไม่ได้เกี่ยวกับพรสวรรค์ของเธอในฐานะนักร้องเท่านั้น เทย์เลอร์ สวิฟต์ยังเป็นนักธุรกิจหญิงที่เชี่ยวชาญอีกด้วย นอกจากคอนเสิร์ตแล้ว ทัวร์ของเธอยังสร้างรายได้จากการให้การสนับสนุนและการขายสินค้าอีกด้วยเช่นกัน โดยแฟน ๆ  ที่ชื่นชอบเทย์เลอร์ ก็ต้องการซื้อของที่ระลึกเพื่อรำลึกถึงประสบการณ์ในคอนเสิร์ต เป็นอีกหนึ่งช่องทางของรายได้อันมหาศาลนี้

แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการจัดคอนเสิร์ตจะต้องใช้การลงทุนมหาศาล ประกอบด้วยการจัดฉาก เครื่องแต่งกาย สถานที่ รวมถึงค่าตอบแทนทีมงาน แต่ The Eras Tour ยังคงทำกำไรมหาศาล ซึ่ง Forbes คาดการณ์ว่า ยอดขายตั๋วทั่วโลกของเทย์เลอร์จะเกิน 1 พันล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ คอนเสิร์ตของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น ทำให้ ‘Swiftonomics’ เป็นตัวอธิบายปรากฏการณ์นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นผลขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่ไม่ธรรมดาจากดนตรี การแสดง และการลงทุนทางธุรกิจของผู้หญิงที่ชื่อว่า ‘Taylor Swift’


ข่าวที่เกี่ยวข้อง