กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันตรวจยึดของกลาง คือ 1.สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 9 เล่ม 2.บัตร atm จำนวน 2 ใบ 3.ฮาร์ดดิสก์ จำนวน 29 ตัว 4.คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและโน๊ตบุ๊ค จำนวน 3 เครื่อง 5.แทปเลต จำนวน 1 เครื่อง 6.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง และ 7.เมมโมรี่การ์ดและแฟลชไดร์ฟ จำนวน 33 อัน รวมของกลางจำนวน 79 รายการ
สถานที่ตรวจยึด
- 1.บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
- 2.บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ
- 3.บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
- 4.บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ตำบลแม่น้ำ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทเอกชน ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวอุตสาหกรรมด้านภาพยนตร์ จากหลายบริษัทเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอศ. ให้ดำเนินคดีกับเว็บไซต์ที่เผยแพร่ภาพยนตร์อันเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทผู้เสียหายจำนวนมากเหล่านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอศ. จึงได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน
จนสืบทราบว่าสถานที่ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จึงนำหมายค้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เข้าทำการตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 4 จุด ตรวจยึดของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิดดังกล่าวนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี โดยในบางจุดพบว่ากลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิดนี้มีการดัดแปลงห้องใต้บันได ไว้สำหรับการเก็บฮาร์ดดิสก์หรือไฟล์ข้อมูลภาพยนตร์ที่เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายในลักษณะจงใจซุกซ่อนการตรวจจับอีกด้วย
ทั้งนี้จากการสืบสวน พบว่า พฤติการณ์ของเว็บไซต์ดังกล่าวมีผู้ร่วมขบวนการจำนวนหลายคน แบ่งหน้าที่ในส่วนต่างๆชัดเจน มิหนำซ้ำยังเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 โดยครั้งแรกใช้ชื่อว่า siambit.com ซึ่งเป็นชื่อเว็บไซต์และมีโดเมนเดียวกันกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ปอท. เพิ่งเข้าตรวจค้นและจับกุมไปเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา แต่ในขณะนั้นเป็นการจับกุมตามความผิดฐาน “เผยแพร่สื่อลามกอนาจารและแฝงการโฆษณาเว็บไซต์การพนันออนไลน์”
และด้วยการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วย ภายใต้สังกัด ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ทำให้พบว่าเว็บไซต์ดังกล่าวนั้นมีการกระทำความผิดในหลากหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือการลักลอบเผยแพร่ภาพยนตร์อันเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. จึงได้รับมอบหมายให้ดำเนินการสืบสวนขยายผลจากกรณีดังกล่าว
ซึ่งพบว่า ช่วงแรกจะเปิดให้ชมฟรี ต่อมาเริ่มเก็บค่าบริการสมาชิกจากประชาชนทั่วไป มีการเปลี่ยนชื่อเว็บไซต์เพื่อปกปิดและหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เรื่อยมา ปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่าแสนราย เผยแพร่ภาพยนตร์ที่เป็นลิขสิทธิ์ของผู้อื่นกว่า 50,000 เรื่อง ซึ่งบริษัทผู้เสียหายคำนวณมูลค่าความเสียหายที่เกิดจากการสูญเสียรายได้ จากการจำหน่ายตั๋วในโรงภาพยนตร์ และรายได้จากการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์หรือการสตรีมมิ่งแบบถูกกฎหมาย เบื้องต้นเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท
จากการสืบสวนพบว่ารายได้หรือผลประโยชน์ที่เรียกเก็บจากค่าสมาชิกมีเงินหมุนเวียนกว่า 60 ล้านบาท โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมเตรียมดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดลักษณะดังกล่าวต่อไป