คัดลอก URL แล้ว
‘บิ๊กเต่า’ เผย เหตุไฟไหม้ชั้น 2 ก.เกษตรฯ ไม่ส่งผลต่อรูปคดีตบทรัพย์

‘บิ๊กเต่า’ เผย เหตุไฟไหม้ชั้น 2 ก.เกษตรฯ ไม่ส่งผลต่อรูปคดีตบทรัพย์

วันนี้ (5 ก.พ.67) พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีแก๊งตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว ว่า จากการพูดคุยกับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ พบว่าเอกสารที่นายอัจฉริยะนำมาให้มีประโยชน์ต่อคดี ซึ่งจะนำหลักฐานที่ได้เข้าไปรวมกับสำนวนที่ทำไปแล้วก่อนหน้านี้ และจากพฤติการณ์ที่นายอัจฉริยะได้มาก็พบว่าสอดค้ลองกับแนวทางการสืบสวนสอบสวนของ บก.ปปป.

อย่างไรก็ตามคดีนี้มีการออกหมายเรียกพยานทั้งข้าราชการ รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐและพลเรือน มาให้ปากคำไปแล้วมากกว่า 10 ปาก ซึ่งในวันพุธหรือวันพฤหัสนี้จะมีการเสนอศาลขอนุมัติหมายจับเพิ่มอีก 1 ราย ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดกับ 1 ใน 4 ผู้ตต้องหาที่ถูกออกหมายจับไปก่อนหน้านี้

ในส่วนของบัญชีม้าก็สมัครใจจะเข้าให้ข้อมูล ซึ่งในส่วนนี้พนักงานสอบสวนยังไม่ต้องการออกหมายจับ เพียงแต่ต้องการเรียกตัวมาสอบสวนว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างไร ทำไมบัญชีถึงตกไปอยู่ในกลุ่มดังกล่าว

ส่วนกรณีของผู้เสียหายวงอื่นๆ ขณะนี้มีการติดต่อเข้ามายังตนเองจำนวน 2 วง แต่ยังไม่มีการมาแจ้งความแต่อย่างใด อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์

ส่วนผู้เสียหายวงอื่นๆ ที่ยังไม่กล้าเข้าแจ้งความเพราะตัวเองก็มีส่วนในกากระทำการทุจริตจริงนั้น พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ยอมรับว่า ตรงนี้เป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ไม่สามารถขยายวงความเสียหายออกไปได้ จึงอยากให้ผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความ เพราะผู้เสียหายหลายคนมีความกลัวว่าหากตนเองมาแจ้งความก็จะถูกดำเนินคดีไปด้วย ในเรื่องการทุจริตจะทำให้รูปคดีของตนเองเสียหาย

ซึ่งพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ มองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นคนละเรื่องกัน อยากให้แยกแยะ เรื่องการตบทรัพย์ก็เป็นการกระทำความผิดที่สมบูรณ์แล้ว ซึ่งสามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาได้ ส่วนการทุจริตก็เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้เสียหายเอง

ทางด้านของพลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มีหนังสือแต่งตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนในคดีตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว โดยให้พลตำรวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกบาง เป็นหัวหน้าคณะทำงานและให้ตำรวจกองบังคับการปราบปราม เข้ามาช่วยทำคดีทั้งในด้านการสืบสวนสอบสวน ร่วมกับ บก.ปปป.ที่ทำคดีอยู่เดิม

เนื่องจากมีความเห็นว่าคดีดังกล่าวขยายวงขอบเขตการสืบสวนสอบสวนไปมาก และมีพยานหลักฐานที่ต้องตรวจสอบเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจทำให้การทำสำนวนล่าช้า อาจไม่ทันส่งสำนวนให้อัยการคดีทุจริตและประพฤติมิชอบฯ ซึ่งมีกำหนดเวลาอีก 2 เดือน หรือ 6 ผัดฟ้อง

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงเหตุไฟไหม้บริเวณชั้น 2 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มองว่าไม่ผิดปกติ เพราะยังมองไม่เห็นว่ามีหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับในคดีอยู่ในห้องที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ และถึงแม้พยานหลักฐานดังกล่าวถูกทำลายก็ไม่ได้ส่งผลต่อคดี เพราะหลักฐานที่ตำรวจมีก็มีเพียงพอที่จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้แล้ว แต่อย่างไรก็ตามต้องรอให้ทางพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบถึงจะทราบได้ว่ามีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับทางคดีเสียหายหรือไม่

ทั้งนี้ในห้องบริเวณดังกล่าวจะมี 1 ในกลุ่มผู้ต้องหาเข้าไปพบบุคลใดหรือไม่ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเข้าไปพบกับบุคคลใด


ข่าวที่เกี่ยวข้อง