นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายต่อที่ประชุมสภาฯ วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วาระแรก ว่าได้ฟัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อ่านคำแถลงงบฯ ทำให้นึกถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เพราะเต็มไปด้วยถ้อยคำสวยหรู นายกฯ คนก่อนก็อ่านแบบนี้ แต่ปัญหาก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม ที่เป็นการแถลงแผนงานงบประมาณแบบกว้างๆ หากไปดูเนื้อใน พบว่าลอย สะเปะสะปะ จับต้องไม่ได้
“นายกฯ คนที่แล้วก็มาอ่านแบบนี้ เอาภารกิจของทุกหน่วยงาน ทุกกระทรวงมาเรียบเรียงว่ารัฐบาลจะทำอะไร แล้วผลออกมาสวยหรูหรือไม่ ทุกคนก็ทราบดี ยังพบปัญหาคือเป็นการแถลงแผนงานกว้างๆ เนื้อในเลื่อนลอยจับต้องไม่ได้ สะเปะสะปะ ไม่มียุทธศาสตร์ ไม่มีการจัดลำดับความสำคัญ”
นายชัยธวัช อภิปรายต่อไปว่า วันที่แถลงนโยบาย พรรคร่วมฝ่ายค้านเคยวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมือนตามที่หาเสียงไว้ ไม่รอบคอบ ไม่ชัดเจน ซึ่งนายกฯ ตอบว่าให้ไปดูความชัดเจนของแผนงานแต่ละกระทรวง กลับพบปัญหาหนักคือเป็นแผนงานที่ขาดตัวชี้วัดชัดเจน และไม่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเป้าหมายทางนโยบายจริง ส่วนใหญ่เป็นโครงการเดิมๆ ที่มาแล้วทุกปี เป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ แต่ในการบริหารแผ่นดินให้สำเร็จตามนโยบาย รัฐบาลต้องเป็นผู้นำ ข้าราชการต้องเป็นผู้ตาม การจัดทำงบประมาณคาดการณ์รายได้เกินจริงไปราว 1 แสนล้านบาท ขณะที่ตั้งรายจ่ายไว้ไม่เพียงพอ ไม่ต่างอะไรกับรัฐบาลชุดที่แล้วก็ทำแบบนี้ และสุดท้ายต้องไปจ่ายชดเชยเงินคงคลังทีหลัง ด้วยสภาพเช่นนี้จึงมองไม่เห็นวาระเป้าหมายของรัฐบาลผ่านการทำงบประมาณแบบนี้
“เราไม่แน่ใจแล้วว่า รัฐบาลกำลังจะสร้างความชอบธรรมด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรมจริงๆ หรือกำลังจะทำให้สถานการณ์เรื่องระบบนิติรัฐนิติธรรมย่ำแย่ลงไปอีก สังคมกำลังถูกตอกย้ำให้อยู่กับกระบวนการยุติธรรมแบบสองมาตรฐาน ถูกตอกย้ำว่าพวกเราต้องอยู่ในระบบกฎหมาย หรือเรือนจำที่มีไว้สำหรับประชาชนสามัญ ที่ไม่ได้มีอำนาจบารมีและฐานะเงินทอง เรามองไม่เห็นวาระเป้าหมายของรัฐบาลผ่านการจัดทำงบประมาณฉบับ สะท้อนว่าความจริงแล้วรัฐบาลชุดนี้เป็นเพียงรัฐบาลรวมการเฉพาะกิจ ที่ไม่ได้มีวาระเป้าหมายทางนโยบายที่จะขับเคลื่อนร่วมกัน เป็นการรวมการเฉพาะกิจ เพื่อแบ่งอำนาจกัน แบ่งกันกิน แบ่งกันใช้ ขั่วคราว เราจึงเห็นการตั้ง ครม. แบบผิดฝาผิดตัวเต็มไปหมด เพราะไม่ได้แบ่งงานกันตามวาระเป้าหมาย แต่แบ่งกระทรวงตามโควตาทางการเมือง วางเจ้ากระทรวงไม่ถูกกับงานเต็มไปหมด”
นายชัยธวัช ชี้ว่า วาระเป้าหมายของรัฐบาลชุดนี้เป็นวาระเพื่อแก้ไขวิกฤตทางอำนาจของชนชั้นนำ เพราะสภาวะการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลชุดนี้ แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่า เป็นการรวมตัวกันเพื่อรักษาสภาวะเดิมของสังคมเอาไว้ ฝืนทวนความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย เพื่อปกป้องพลังทางสังคมแบบจารีต และต่อต้านพลังทางสังคมใหม่ๆ ที่ต้องการอนาคตที่ดีกว่านี้ หลังจากรัฐประหาร ระบบรัฐราชการและชนชั้นจารีตได้กลับมาควบคุมสังคมไทยอีกครั้ง จึงไม่ได้เห็นเจตจำนงของรัฐบาลที่จะปฏิรูประบบงบประมาณอีกเลย เพราะพลังทางการเมืองที่เคยเป็นพลังใหม่ เคยเป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง ปัจจุบันได้กลับไปร่วมสมาคมเป็นส่วนหนึ่งกับอำนาจเก่าแล้ว ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ก็สะท้อนสภาวะทางการเมืองที่เป็นจริงตรงนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านอยากสื่อสารไปยังรัฐบาลว่าเราไม่สามารถอยู่แบบเดิมได้อีกแล้ว