คัดลอก URL แล้ว
ลูกชายร้องสื่อญาติปลอมลายเซ็นต์แม่ โอนที่มรดก 100 ไร่

ลูกชายร้องสื่อญาติปลอมลายเซ็นต์แม่ โอนที่มรดก 100 ไร่

นายปรีชา อายุ 42 ปีและน.ส.ศิริลักษณ์ ภรรยา พร้อมด้วยนายนนทรานุวัฒน์ พรหมจันทร์ ประธานคณะติดตามงานจังหวัดนนทบุรี นำหลักฐานไปพบนายวัชระ เลิศพงศ์วรพันธ์ ทนายความ เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มเครือญาติจำนวน 6 คน หลังคาดว่ามีการปลอมลายเซ็นต์ในพินัยกรรม ของแม่นายปรีชา ซึ่งพบว่าได้นำที่ดินมรดกไปขายแล้วบางส่วนเป็นเงินกว่า 50 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีที่ดินอีกเกือบ 100 ไร่มูลค่ากว่า 100 ล้านบาทถูกแอบอ้างโอนเป็นชื่อเครือญาติโดยการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกแทนลูกชาย  คดีนี้ได้แจ้งความไว้ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี

นายปรีชา เปิดเผยว่า ปี 2553 ถูกจับกุมและถูกคุมขังที่เรือนจำนนทบุรี  แม่ของนายปรีชา อายุ 88 ปี ป่วยเป็นมะเร็ง รักษาตัวที่โรงพยาบาลในจังหวัดนนทบุรี ในช่วงเวลาเดียวกัน กลุ่มเครือญาติได้นำเอกสารมาให้นายปรีชา เซ็นต์ขณะยังอยู่ในเรือนจำแต่ครั้งแรกปฏิเสธไปเพราะไม่ทราบว่าเป็นเอกสารอะไร เพราะเรียนจบชั้นประถมศึกษา 6 อ่านหนังสือไม่ออก  หลังจากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ในเรือนจำได้นำเอกสารมาให้เซ็นต์อีกโดยมีคำขู่  จึงเกิดความกลัวยอมเซ็นต์เอกสารไป ต่อมาแม่เสียชีวิตขณะนายปรีชายังอยู่ในเรือนจำ ภายหลังนายปรีชาพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2561 ทราบว่าทางกลุ่มเครือญาติได้ไปร้องขอต่อศาลเป็นผู้จัดการมรดก นอกจากนั้นยังพบว่าแม่ทำพินัยกรรมยกที่ดินให้กลุ่มเครือญาติ  จากการตรวจสอบมรดกทั้งหมด มีที่ดินพร้อมอาคารพาณิชย์ 3 คูหา ติดถนนรัตนาธิเบศร์ ถูกขายไปเป็นเงิน 36 ล้านบาท และที่ดินจำนวน 11 ไร่ ต.ราษฎร์นิยม อ.ไทรน้อย ถูกขายเป็นเงิน 11 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่า 47 ล้านบาท โดยกลุ่มญาติแบ่งเงินให้นายปรีชา 4 ล้านบาทเท่านั้น

  นอกจากนี้ยังมีที่ดินเหลืออีก อยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี และที่ด้านหลังสภ.รัตนาธิเบศร์ รวมกว่า 100 ไร่ คิดเป็นมูลค่ากว่า 150 ล้านบาท ถูกโอนแบ่งเป็นชื่อเครือญาติรวม 6 คน  นายปรีชาเกิดความสงสัยว่าทำไมแม่ต้องแบ่งมรดกให้ญาติห่างๆด้วย จึงคุยกับภรรยาและแม่ยาย แล้วนำเรื่องไปปรึกษานายนนทรานุวัฒน์ พรหมจันทร์ ประธานคณะติดตามงานจังหวัดนนทบุรี ให้ช่วยเหลือและได้มอบหลักฐานให้ทนายความเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มญาติ จากการตรวจสอบเรื่องลายเซ็นต์ของแม่นายปรีชาเปรียบเทียบกับเอกสารที่มีพบว่าลายเซ็นต์ไม่เหมือนกัน

ด้านนายวัชระ เลิศพงศ์วรพันธ์ ทนายความ กล่าวว่า ได้ตรวจสอบเอกสารทั้งหมด พบว่ามีที่ดินบางส่วนถูกขายไปแล้ว และยังเหลือที่ดินที่ถูกแบ่งออกเป็นชื่อญาติคนอื่นอีกจำนวน 6 แปลง ตอนนี้ได้คัดเอกสารจากทางศาลจังหวัดนนทบุรี  พบข้อพิรุธ จึงได้พาเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ ให้ตรวจสอบพินัยกรรมลงวันที่ 18 พ.ค. 53 ว่าเป็นพินัยกรรมปลอมและใช้พินัยกรรมปลอมหรือไม่ เพราะอาจทำให้นายปรีชาได้รับความเสียหาย และให้ดำเนินการให้พินัยกรรมเป็นโมฆะเพระทำในขณะที่มารดาป่วยหนัก โดยหลังจากพิสูจน์ทราบก็จะมีการดำเนินคดีตามกฏหมายต่อคนทั้งหมด

 เบื้องต้นตำรวจอยู่ระหว่างมอบหลักฐานให้พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ และอยู่ระหว่างเรียกผู้เสียหายเข้าสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

#ลูกชายร้องญาติปลอมลายเซ็นต์แม่ยึดมรดก #ข่าวโมโน #MONONEWS #MONO29 #ข่าวโมโน #สังคมอยากรู้ดูข่าวโมโน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง