กรณีผู้ปกครองรายหนึ่งร้องขอความเป็นธรรม หลังลูกชายอายุ 16 ปี ประสบอุบัติเหตุตกลงไปในบ่อน้ำร้อน ภายในอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา จนบาดเจ็บสาหัส น้ำร้อนลวกทั้งตัว สาเหตุเพราะราวกั้นไม้ผุพังจากอายุการใช้งาน
หลังเกิดเหตุทางอุทยานฯ มอบเงิน 10,000 บาท เพื่อเป็นค่าเดินทางมารักษาพยาบาล หลังจากนั้นอุทยานฯ บอกว่า ไม่มีงบช่วยเหลือเยียวยา เจ้าหน้าที่จึงลงขันรวมกันได้ 30,000 บาท แต่ทางครอบครัวไม่ได้รับไว้ เพราะคิดว่าน้อยมากหากเทียบกับสิ่งที่ลูกชายต้องเจอเพราะความประมาทของอุทยานฯ
ขณะที่ นางสาวนิภาพร ไพศาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวผู้บาดเจ็บเข้ามาเที่ยวภายในบ่อน้ำพุร้อนฝาง แล้วได้นำไข่มาต้มในบ่อน้ำร้อนบริเวณจุดเกิดเหตุ หน้าลานกางเต็นท์ไออุ่น เป็นบริเวณไม่ใช่จุดที่อุทยานฯ จัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวสำหรับกิจกรรมต้มไข่
ซึ่งราวกั้นบริเวณนั้น อุทยานฯ ได้มีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ แต่เนื่องจากมีการปั้นปูนคล้ายไม้หุ้มเหล็กด้านใน ทำให้ไม่สามารถสังเกตเห็นว่าเหล็กภายในถูกกัดกร่อน เมื่อผู้บาดเจ็บทิ้งน้ำหนักตัว เพื่อโน้มลงไปเก็บไข่ที่ต้ม จึงไม่สามารถรับน้ำหนักตัวของผู้บาดเจ็บได้ หลังจากเกิดเหตุ ได้เข้าเยี่ยมพร้อมมอบเงินให้ผู้ปกครองนำไปใช้ในระหว่างที่ผู้บาดเจ็บต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลจำนวน 2 หมื่นบาท โดยเข้าเยี่ยม และให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง ต่อมาได้เข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บอีกครั้งที่บ้าน พร้อมทั้งมอบเงินเยียวยา 3 หมื่นบาท แต่เนื่องจากผู้ปกครองเห็นว่าเป็นจำนวนเงินที่น้อยเกินไปจึงไม่ขอรับไว้
หลังจากนั้นหัวหน้าอุทยานฯ ได้โทรศัพท์กลับไปพูดคุยกับผู้ปกครองอีกครั้งจึงได้ทราบว่า ผู้ปกครองต้องการเงินเยียวยาไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท ทั้งนี้ หัวหน้าอุทยานฯ ได้อธิบายถึงระเบียบของทางราชการ เรื่องเงินเยียวยาอีกครั้ง และนำข้อมูลดังกล่าวกลับไปนำเรียนผู้บังคับบัญชาอีกครั้งเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป แต่ก็มาปรากฎเป็นข่าวตามสื่อ
