จีนเปิดใช้งานห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์ ซึ่งตั้งอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 2,400 เมตร ในมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เมื่อวันพฤหัสบดี (7 ธ.ค.) โดยห้องปฏิบัติการแห่งนี้ถือเป็นห้องปฏิบัติการใต้ดินขนาดใหญ่ที่สุดและตั้งอยู่ลึกมากที่สุดในโลก
คณะนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าห้องปฏิบัติการใต้ดินแห่งนี้จะเป็นพื้นที่ “สะอาด” สำหรับการแสวงหาสสารที่มองไม่เห็นหรือ “สสารมืด” (dark matter) โดยการตั้งอยู่ลึกลงไปใต้ดินอย่างมากจะช่วยสกัดกั้นรังสีคอสมิกส่วนใหญ่ที่เป็นอุปสรรคต่อการสังเกตการณ์
รายงานระบุว่าห้องปฏิบัติการใต้ดินลึกและรังสีพื้นหลังต่ำพิเศษสำหรับการทดลองทางฟิสิกส์แนวหน้า (DURF) ตั้งอยู่ข้างใต้ภูเขาจิ่นผิง แคว้นปกครองตนเองเหลียงซาน กลุ่มชาติพันธุ์อี๋ ของซื่อชวน มีความจุของห้องรวม 330,000 ลูกบาศก์เมตร
ห้องปฏิบัติการฯ จัดเป็นระยะที่ 2 ของห้องปฏิบัติการใต้ดินจิ่นผิงแห่งประเทศจีน เริ่มต้นก่อสร้างเดือนธันวาคม 2020 และร่วมสร้างโดยมหาวิทยาลัยชิงหัว และบริษัท ยาหลง ริเวอร์ ไฮโดรพาวเวอร์ เดเวลอปเมนต์ จำกัด
ตำแหน่งที่ตั้งอยู่ลึกลงไปใต้ดินช่วยให้ห้องปฏิบัติการฯ สัมผัสกับรังสีคอสมิกในปริมาณเล็กน้อยมาก คิดเป็นหนึ่งร้อยในหนึ่งล้านของปริมาณการสัมผัสรังสีคอสมิกบนพื้นผิวโลก
เย่ว์เฉียน อาจารย์มหาวิทยาลัยฯ ระบุว่าห้องปฏิบัติการฯ มีจุดเด่นหลายประการ ทั้งปริมาณรังสีคอสมิกต่ำพิเศษ รังสีในสิ่งแวดล้อมต่ำมาก ความเข้มข้นของเรดอนต่ำมาก และพื้นที่สะอาดพิเศษ ซึ่งเกื้อหนุนการตรวจจับสสารมืด
ทั้งนี้ คณะนักวิทยาศาสตร์อนุมานว่าสสารที่มองเห็นได้คิดเป็นเพียงราวร้อยละ 5 ของจักรวาล ขณะสสารมืดและพลังงานมืดคิดเป็นราวร้อยละ 95 ของจักรวาล
ปัจจุบันคณะนักวิจัยทีมแรกจาก 10 ทีม ซึ่งมาจากมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยของจีน เช่น มหาวิทยาลัยชิงหัว และมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เจียวทง ได้ประจำการอยู่ในห้องปฏิบัติการฯ เพื่อดำเนินการทดลองทางวิทยาศาสตร์แล้ว
เย่ว์กล่าวว่าห้องปฏิบัติการฯ จะเป็นศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์ใต้ดินลึกสหวิทยาการระดับโลก ซึ่งบูรณาการสาขาวิชาต่างๆ ทั้งฟิสิกส์อนุภาค ฟิสิกส์ดาราศาสตร์นิวเคลียร์ และชีววิทยาศาสตร์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่การพัฒนาการวิจัยในสาขาแนวหน้าที่เกี่ยวข้องของจีน
อนึ่ง ระยะที่ 1 ของห้องปฏิบัติการใต้ดินจิ่นผิงแห่งประเทศจีนก่อสร้างเสร็จสิ้นและเปิดใช้งานเมื่อสิ้นปี 2010 มีความจุห้องราว 4,000 ลูกบาศก์เมตร และประสบผลสำเร็จทางวิทยาศาสตร์หลายรายการ ซึ่งยกระดับการทดลองตรวจจับสสารมืดของจีนสู่ระดับสูงบนเวทีโลก