นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงสถานการณ์แรงงานไทยในอิสราเอลว่า แรงงานที่ยังถูกจับเป็นตัวประกันอยู่ในขณะนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศพยายามที่จะช่วยเหลือ ประสานในการปล่อยตัว ซึ่งกระทรวงแรงงานก็ยังไม่ทราบว่าจะถูกปล่อยตัวเมื่อไหร่
อย่างไรก็ตามแรงงานทุกคนยังปลอดภัยดี รวมทั้งแรงงานในส่วนอื่นๆที่ยังอยู่ในอิสราเอล ส่วนใหญ่อยากทำงานต่อในประเทศอิสราเอลเหมือนเดิม เพราะทางอิสราเอลก็ดูแลคนไทยตามแคมป์แรงงานต่างๆ และอยู่ในพื้นที่ที่ไม่เกิดการสู้รบ
ส่วนการชดเชยแรงงานที่เดินทางกลับมา 15,000 บาทต่อคนนั้น ได้ดำเนินการจ่ายไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่เหลือคนที่เดินทางกลับมาในช่วงท้ายๆเท่านั้นที่กำลังดำเนินการอยู่ สำหรับการชดเชยเพิ่มอีก 50,000 บาท และการพักหนี้ต้นและดอก 3 ปีนั้น หนังสือได้ส่งไปยังทุกกระทรวงแล้ว จะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ ซึ่งตนเองก็รออยู่
ขณะเดียวกันก็มีการทวงถามเข้ามาทุกวันว่าเมื่อไหร่จะได้รับเงินจำนวนนี้ และยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่ถูกตีตกหรือเลื่อนอีก แต่สาเหตุที่ช้าเนื่องจากต้องทำความเห็นเวียนไปทุกกระทรวง ซึ่งขณะนี้กลับมาที่กระทรวงการคลังแล้ว
ส่วนแรงงานที่อยากกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกครั้งนั้นนายพิพัฒน์กล่าวว่า ไม่ควรที่จะกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีก เพราะสงครามยังไม่หยุด และนายกรัฐมนตรีเองก็พยายามที่จะให้ข้อมูลว่าสงครามยังไม่เลิก จึงขอให้ทุกคนดูแลตนเองก่อน ขณะที่กระทรวงแรงงานก็พยายามหางาน ให้แรงงานไทยที่เดินทางกลับมาได้ไปทำงานต่อที่ประเทศอื่น โดยช่วงต้นปีหน้าไปแล้วจะส่งแรงงานเหล่านี้ไปที่เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นแรงงานภาคเกษตรเช่นเดียวกัน
โดยเรื่องนี้กำลังดำเนินการอยู่ และพยายามประสานไปยังอีกหลายประเทศด้วยว่าต้องการแรงงานที่มีทักษะด้านการเกษตรหรือไม่ เพราะถ้ามีทักษะในเรื่องนี้แล้วค่อนข้างจะมีค่าตอบแทนสูง ซึ่งบางประเทศก็มีการแจ้งความจำนงมาแต่ค่าแรงไม่ได้สูงเท่าอิสราเอล แต่ย้ำว่าทางอิสราเอลก็ต้องการแรงงานจากประเทศไทย และเปิดรับตลอดเวลา โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานไทยที่เดินทางกลับมากว่า 9,000 คนแล้ว อิสราเอลก็พร้อมให้กลับไปทำงานต่อ ซึ่งในอดีตเมื่อ ทำงานครบสัญญา 5 ปี 3 เดือนแล้ว ก็จะไม่สามารถทำงานต่อได้ แต่ในขณะนี้เมื่อครบกำหนด 5 ปี 3 เดือนแล้ว ทางการอิสราเอลต่ออายุให้อีก 1 ปี