คัดลอก URL แล้ว
“DSI” เจออีก 9 บริษัท ลักลอบนำเข้า “หมูเถื่อน” รวม 2,000 กว่าตู้

“DSI” เจออีก 9 บริษัท ลักลอบนำเข้า “หมูเถื่อน” รวม 2,000 กว่าตู้

ที่ประชุมติดตามการสอบสวนคดีหมูเถื่อน เมื่อวานนี้ (29 พ.ย. 66) พ.ต.ต. ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และ ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร รองผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ในฐานะเลขานุการคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้นำเสนอต่อที่ประชุมให้พิจารณาแตกสำนวนออกเป็นอีก 9 คดี หลังสืบสวนแล้วพบว่า มีตู้สินค้านำเข้าหมูเถื่อน รวม 2,388 ตู้ ผ่านสายเรือที่นำเข้า 9 บริษัท
      
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพิจารณารับเรื่องร้องทุกข์ กรณีบริษัทนำเข้าหมูเถื่อน ซึ่งไม่ใช่กลุ่มบริษัทเดิมที่กำลังถูกดำเนินคดี 10 ราย แต่เป็นกลุ่มบริษัทใหม่ จากการสืบสวนพบเอกสาร แล้วพบว่า ตั้งแต่ ปี 2563-2566 อาจมีการนำเข้าสูงถึง 10,000 ตู้ จึงได้ขออนุมัติออกเลขสอบสวนใหม่

ส่วนกรณีคณะรัฐมนตรีมีคำสั่งโยกย้ายตำแหน่ง อธิบดีดีเอสไอ ไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม มีความเห็นจาก นายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร สส.พรรคก้าวไกล โดยนายวิโรจน์ บอกว่า ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีท่าทีขึงขัง จริงจังกับการเร่งปราบปรามหมูเถื่อน แต่กลับโยกย้าย อธิบดีดีเอสไอ และปล่อยให้หน่วยงาน ดีเอสไอ อยู่แบบสุญญากาศ โดยไม่มีใครมาแทน และไม่มีกรอบเวลาชัดเจน จึงสงสัยว่า นายเศรษฐาต้องการให้มีงานแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วหรือไม่

นายวิโรจน์ยังชี้ให้เห็นว่า การย้ายอธิบดีดีเอสไอ มี 2 เหตุผลเท่านั้น

  1. คือ โทษต้องฉกรรจ์มาก ซึ่งหากไม่มีโทษถึงขั้นนั้น ตนได้แนะนำอธิบดีดีเอสไอที่ถูกปลดไปว่า สามารถฟ้องศาลปกครองในกรณีที่คำสั่งย้ายนั้นไม่เป็นธรรมได้
  2. คือ อาจมีการเจอตอปัญหา ซึ่งแต่เดิมมีการทำงานล่าช้า ตนก็เข้าใจว่า อธิบดีดีเอสไอ เกิดความลังเลว่า นายกรัฐมนตรีจะให้ดำเนินการในเรื่องของการปราบปรามอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ ฃแต่หลังจาก นายกฯ เรียกเขาไปคุยที่สนามบิน ทำให้เขามั่นใจว่า น่าจะสามารถเดินหน้าได้อย่างเต็มสูบ แต่พอมาเจอแบบนี้ข้าราชการคนไหนจะเชื่อน้ำคำนายกฯ ได้อีก


ข่าวที่เกี่ยวข้อง