จากสถานการณ์ราคา LNG ในตลาดโลกปัจจุบันที่อยู่ในช่วงขาขึ้นตามความต้องการใช้ LNG ที่เพิ่มมากขึ้นตามฤดูหนาวในทวีปยุโรป ซึ่งจะส่งผลให้การประมาณการต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของไทย ในรอบเดือนมกราคม – เมษายน 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 64.18 สตางค์ต่อหน่วย สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จึงนำต้นทุนค่าเอฟทีดังกล่าวมา ประมาณการแนวทางภาระต้นทุนที่จะเกิดขึ้นจริงของ กฟผ. ซึ่งมีภาระต้นทุนคงค้างอยู่ที่ 95,777 ล้านบาท โดยเปิดรับฟังความคิดเห็นในกรณีต่างๆผ่านเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันนี้ – 24 พฤศจิกายน 2566
เลขาธิการสำนักงาน กกพ. เปิดเผยว่า 3 กรณีที่จะรับฟังความคิดเห็น ได้แก่
กรณีที่ 1 จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้าง กฟผ.ทั้งหมด จะทำให้ค่าไฟเรียกเก็บไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มปรับขึ้นเป็น 5.95 บาทต่อหน่วย
กรณีที่ 2 จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้าง 1 ปี แบ่งเป็น 3 งวด จะทำให้ค่าไฟเรียกเก็บปรับขึ้นเป็น 4.93 บาทต่อหน่วย
กรณีที่ 3 จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้าง 2 ปี แบ่งเป็น 6 งวด ทำให้ค่าไฟเรียกเก็บปรับขึ้นเป็น 4.68 บาทต่อหน่วย
โดยทั้ง 3 กรณีอยู่ภายใต้การประมาณการของโครงสร้างราคาก๊าซในปัจจุบัน
สำหรับต้นทุนค่าไฟฟ้าเฉลี่ยทั้งปี 2567 กกพ. ประมาณการณ์ ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 60 สตางค์ต่อหน่วย แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน โดยเฉพาะการบริหารจัดการนำเข้าก๊าซธรรมชาติในอ่าวที่มีราคาถูกเข้ามาชดเชย LNG ได้เร็วแค่ไหน รวมถึงการบริหารจัด LNG ในงวดต่อๆไป