คัดลอก URL แล้ว
กกร.ดึงน้ำตาลทราย กลับเป็นสินค้าควบคุม

กกร.ดึงน้ำตาลทราย กลับเป็นสินค้าควบคุม

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือ กกร. ว่า ที่ประชุมหลังจากได้รับทราบการประกาศปรับเพิ่มขึ้นราคาน้ำตาลทรายของทางคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย หรือ สอน. กระทรวงอุตสาหกรรม

กระทรวงพาณิชย์มีความเป็นห่วงราคาที่ปรับขึ้นจะประชาชนผู้บริโภคที่ประสบปัญหาความยากลำบากอยู่แล้ว การที่น้ำตาลขึ้นราคา จะมีผลต่อห่วงโซ่การผลิตทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค ราคาสินค้าอาจปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงสินค้าที่มีน้ำตาลทรายเป็นส่วนประกอบ เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ อาจทำให้เกิดปัญหากว้างขวางขึ้นในระบบ ถึงจะได้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการ กกร.เป็นการเร่งด่วน

เพื่อกำหนดให้น้ำตาลทรายเป็นสินค้าควบคุมและกำหนดมาตรการ ภายใต้การดูแลของกระทรวงพาณิชย์ ในการจัดจำหน่ายน้ำตาลทราย 2มาตรการ คือ การควบคุมราคาจำหน่ายหน้าโรงงาน น้ำตาลทรายขาวไม่เกินกิโลกรัมละ 19 บาท และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ไม่เกิน กิโลกรัมละ 20 บาท ราคาจำหน่ายปลีกในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล น้ำตาลทรายขาวกิโลกรัมละไม่เกิน 24 บาทและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์กิโลกรัมละไม่เกิน 25 บาท ในส่วนของต่างจังหวัดจะมีการพิจารณา ตามอัตราค่าขนส่งที่แท้จริง

และกำหนดการส่งออกตั้งแต่ 1 ตันขึ้นไปจะต้องขออนุญาตจากคณะอนุกรรมการที่จะมีการจัดตั้งขึ้นซึ่งจะมีรองอธิบดีกรมการค้าภายใน รวมถึงตัวแทนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาก่อน ทั้งนี้เพื่อบริหารจัดการสต๊อกของน้ำตาลทรายให้เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยจะมีการเสนอมาตรการต่างๆเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ และให้มีผลบังคับใช้หลังมีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา

นอกจากนี้ที่ประชุม ยังได้สั่งการที่กรมการค้าภายในติดตามการจำหน่ายน้ำตาลทรายอย่างใกล้ชิด กรณีขายเกินราคาจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มาตรา 25 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือฉันจำทั้งปรับ และหากมีการกักตุนหลังจากเป็นสินค้าควบคุมแล้วผู้จำหน่ายจะมีความผิดมาตรา 30 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายเกินราคาที่กำหนดสามารถร้องเรียนผ่านมายังสายด่วน 1569 ของกรมการค้าภายในได้

อย่างไรก็ตาม สำหรับการดูแลเกษตรกรชาวไร่อ้อยนั้น ยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่ทอดทิ้งอย่างแน่นอน โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องเป็นผู้หามาตรการดูแลให้เหมาะสมต่อไปแต่จะต้องไม่ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ ซึ่งการประชุมในวันนี้มีตัวแทนจากทาง สอน.เข้าร่วมการประชุมด้วยและรับทราบมาตรการต่างๆที่จะต้องกลับไปดำเนินการ

ยืนยันว่าการพิจารณาในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการขัดแย้งกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงอุตสาหกรรมแต่เพื่อเป็นการดูแลทั้งประชาชนและเกษตรกรจึงจำเป็นต้องหามาตรการที่เหมาะสมสำหรับทุกฝ่าย โดยไม่ผลักภาระไปให้กับประชาชนเพียงอย่างเดียว แต่รัฐบาลจะต้องเป็นผู้พิจารณาทำให้เกิดความสมดุลให้มากที่สุด


ข่าวที่เกี่ยวข้อง