ประเด็นเงินดิจิทัลวอลเล็ต ยังคงเป็นที่จับตาอย่างต่อเนื่อง หลังเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลตที่มีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เป็นประธาน ได้ประชุมสรุปแนวทางในการดำเนินโครงการ ซึ่งมีหลายทางเลือกที่จะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลตที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นประธานพิจารณาต่อไป ซึ่งแบ่งออกเป็นเกณฑ์ใหม่ 3 ทางเลือก สำหรับ “ดิจิทัล 10,000 บาท” ดังนี้

1 – เฉพาะผู้ยากไร้ (ฐานข้อมูลสวัสดิการแห่งรัฐ) ได้สิทธิ์ 15-16 ล้านคน ใช้งบ 1.5 แสนล้านบาท

2 – ตัดผู้มีเงินเดือน 25,000 บาท หรือมีเงินฝาก 100,000 บาท ได้สิทธิ์ 43 ล้านคน ใช้งบ 4.3 แสนล้านบาท

3 – ตัดผู้มีเงินเดือน 50,000 บาท หรือมีเงินฝาก 500,000 บาท ได้สิทธิ์ 49 ล้านคน ใช้งบ 4.9 แสนล้านบาท

สำหรับเกณฑ์ตัดสินว่าบุคคลนั้นเข้าข่ายจนหรือไม่จนนั้น ในปี 2564 ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้กำหนดฐานการคิดจากรายได้ต่อเดือนที่ต้องได้ต่ำกว่า 2,802 บาทต่อคนต่อเดือน หรือ 33,624 บาทต่อคนต่อปี

ส่วนเกณฑ์แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่จะพิจารณาจากบัญชีเงินฝากที่เกิน 100,000 บาท และ 500,000 บาท อาจถูกตัดสิทธิ์ด้วยนั้น ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2566 พบว่า

คนไทยที่มีเงินฝากไม่เกิน 50,000 บาท มีจำนวน 104 ล้านบัญชี
คนไทยที่มีเงินฝากเกิน 100,000 บาท มีจำนวน 2.8 ล้านบัญชี
คนไทยที่มีเงินฝากเกิน 500,000 บาท มีจำนวน 1.2 ล้านบัญชี
คนไทยที่มีเงินฝากเกิน 1,000,000 บาท มีจำนวน 1.2 ล้านบัญชี

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากประชาชน ‘นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์’ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการฯ ยืนยันว่า “ไม่หนักใจเพราะต้องรับฟังเสียงให้รอบด้าน” พร้อมระบุว่า ข้อเสนอดังกล่าวในชั้นคณะอนุกรรมการ ยังไม่เป็นที่สิ้นสุด ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มี ‘นายเศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมสัปดาห์หน้า