สถานการณ์ในอิสราเอลก้าวสู่วันที่ 11 แล้วหลังจากที่กลุ่มฮามาสได้เปิดฉากโจมตีไปยังอิสราเอลในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งเป็นการโจมตีแบบไม่ทันให้ตั้งตัว รวมถึงนับเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา
สถานการณ์ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา อิสราเอลยังคงมีการปะทะและโจมตีกันอยู่ โดยอิสราเอลยังคงโจมตีไปยังพื้นที่เป้าหมายในฉนวกาซา และกลุ่มฮามาสก็ยังคงยิงจรวดกลับออกมาเช่นกัน
…
อิสราเอลเดินหน้าโจมตีต่อเนื่อง
แม้จะผ่านมากว่า 10 วันแล้ว ปฏิบัติการ Swords of Iron ยังคงดำเนินต่อเนื่อง โดยเฉพาะการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลต่อฉนวนกาซา ภายหลังจากที่มีการปิดล้อมเบ็ดเสร็จในช่วงหลายวันที่ผ่านมา อิสราเอลระบุว่า สามารถสังหาร Osama Mazini ซึ่งเป็น ผู้นําระดับสูงของฮามาสได้ในฉนวนกาซาด้วย
ซึ่งท่าทีของอิสราเอลยังคงเดินหน้าโจมตี และส่งสัญญาณที่เตรียมพร้อมเข้าสู่สงครามที่ยืดเยื้อยาวนานกับกลุ่มฮามาส แต่อิสราเอลยืนยันว่า “พร้อมที่จะจ่าย” และ “อิสราเอลจะชนะในที่สุด” โดยมีรายงานว่า ในการพูดคุยระหว่าง เนทันยาฮู นายกฯ ของอิสราเอล กับ ปูติน ผู้นำรัสเซียนั้น อิสราเอลยังคงกล่าวถึงการที่อิสราเอลจะไม่หยุดการโจมตีจนกว่าจะทำลายกองกำลังฮามาสและการปกครองของกลุ่มฮามาสลงได้
อย่างไรก็ตาม ในการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล มีรายงานถึงการโจมตีไปยังพื้นที่ใกล้เคียงกับบริเวณจุดผ่านแดนราฟาห์ด้วยเมื่อคืนที่ผ่านมา (ตามเวลาในประเทศไทย) ซึ่งนับเป็นการโจมตีครั้งที่ 4 ในบริเวณดังกล่าวที่อยู่ทางตอนใต้สุดของฉนวนกาซา และเป็นจุดผ่านแดนเดียวระหว่างฉนวนกาซากับอิยิปต์
…
ฮามาสยังโจมตีอิสราเอล
ทางกลุ่มฮามาสยังคงมีการโจมตีไปยังอิสราเอลอยู่เป็นระยะ ๆ ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาในหลายจุดด้วยกัน รวมถึงหลายจุดในกรุงเทลอาวีฟของอิสราเอลด้วย ซึ่งแนวโน้มยังคงอยู่ใกล้เคียงกับเมื่อวานที่ผ่านมา
ส่วนการยิงปะทะกันนั้นโดยรอบฉนวนกาซา ยังไม่มีรายงานการปะทะกันระหว่างกงอกำลังฮามาสและอิสราเอล มีเพียงพื้นที่ในเขตฉนวนกาซา ที่ยังคงมีการปะทะกันขนาดเล็ก ๆ เพียงบางจุดเท่านั้น และมีแนวโน้มลดลงจากเมื่อวันก่อน
ส่วนจุดที่มีแนวโน้มการปะทะกันดูเดือดมากขึ้นคือ บริเวณทางตอนเหนือของอิสราเอลยังคงร้อนระอุ หลังการปะทะกันของอิสราเอลและกลุ่มฮิซบุลลอห์ในเลบานอนมีแนวโน้มที่ลุกลามมากยิ่งขึ้น
การสู้รบกับกลุ่มฮิซบุลลอห์นั้น ทำให้อิสราเอลได้มีการอพยพประชาชนจำนวนราว 2 หมื่นนายที่อาศัยอยู่บริเวณพรมแดนอิสราเอล-ปาเลสไตน์ออกมาแล้ว
ฮามาสแย้มอาจปล่อยตัวประกันชาวต่างชาติ
กองกำลังของฮามาสระบุว่า ในขณะนี้สามารถจับกุมตัวประกันได้ราว 200 – 250 คน และระบุว่า ฮามาสก็อาจจะมีการปล่อยตัวตัวประกันชาวต่างชาติ โดยนายฮาคาน ฟิดาน รมต.ต่างประเทศของตุรกีระบุว่า ได้มีการหารือถึงความเป็นไปได้ในการปล่อยตัวตัวประกันชาวต่างชาติที่ถูกกลุ่มฮามาสจับกุมตัวไว้ ซึ่งผลการเจรจาเป็นไปในทิศทางบวก
เวสต์แบงก์ ยังคุกรุ่น
ในเขตเวสต์แบงก์ ยังคงมีการปะทะกันอยู่ในหลายจุด แม้ว่า จะไม่มีการปะทะขนาดใหญ่เกิดขึ้นก็ตาม แนวโน้มในขณะนี้ มีจำนวนการปะทะลดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา อิสราเอลเดินหน้าจับกุมผู้ก่อเหตุ และผู้ต้องสงสัยที่เชื่อว่ าจะเป็นสมาชิกกลุ่มฮามาสอย่างต่อเนื่อง โดยในขณะนี้คาดว่า มีชาวปาเลสไตน์ในเวสต์แบงก์ถูกอิสราเอลจับกุมตัวไปแล้ว อย่างน้อย 92 ราย
…
ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ยอดผู้เสียชีวิตในเหตุการ์นี้ยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีผู้เสียชีวิตในอิสราเอลแล้วกว่า 1,400 ราย ในขณะที่ผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาเพิ่มมขึ้นเป็น 2,778 ราย บาดเจ็บ 9,938 ราย โดยทางกระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ระบุว่า มีรายงานผู้สูญหายที่เชื่อว่ายังคงติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังของอาคารต่าง ๆ อีกกว่า 1,200 ราย รวมถึงเด็กราว 500 ราย ซึ่งมีอาคารกว่า 3,731 หลัง และที่อยู่อาศัยมากกว่า 1 หมื่นหน่วย ที่ได้รับความเสียหาย
อิหร่านเตือนอิสราเอล
อิร่านยังคงออกมาเตือนอิสราเอลว่า หากยังคงเปิดปฏิบัติการโจมตีไปยังแนวนกาซา จะส่งผลให้มีการเปิดปฏิบัติการต่อต้านอิสราเอลเกิดขึ้น ในขณะที่อิสราเอลก็ยังคงเดินหน้าโจมตีกลุ่มฮิซบุลลอห์ทางตอนใต้ของเลบานอนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอิร่านยังได้กล่าวถึง “แนวรบต่อต้าน” ที่คาดว่าจะเป็นกลุ่มนักรบที่สนับสนุนอิหร่านอยู่ในตะวันออกกลางหลายกลุ่ม ทั้งในอิหร่าน ซีเรีย เยเมน รวมถึงกลุ่มฮิซบุลลอห์ในเลบานอนด้วย
หลายชาติเดินหน้าสนับสนุนอิสราเอล
พรรคเดโมแครตของสหรัฐฯ ระบุว่า จะเดินหน้าในความพยายามให้วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านมติการสนับสนุนเงินช่วยเหลือให้กับอิสราเอลเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้ ซึ่งหมายถึงความช่วยเหลือทางทหาร ข่าวกรอง การทูต รวมถึงด้านมนุษยธรรมต่าง ๆ อีกด้วย
ซึ่งในวันพุธนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ มีแผนที่จะเดินทางเยือนอิสราเอลท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจจะลุกลามขึ้นได้ ทำให้ความเคลื่อนไหวของกองทัพสหรัฐฯ ค่อนข้างมาก โดยจะมีการเตรียมส่งนาวิกโยธินสหรัฐฯ ไปเตรียมพร้อมในน่านน้ำอิสราเอลเพิ่มขึ้น
พยายามช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
การปิดล้อมฉนวนกาซาแบบเบ็ดเสร็จ ควบคู่กับการโจมตีทางอากาศยังคงเป็นแรงกดดันที่หลายชาติส่งสัญญาณต่ออิสราเอลว่า กำลังปฏิบัติการที่เกิดขอบเขตของกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงเป็นการลงโทษแบบเหมารวมต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา และสถานการณ์ในฉนวนกาซากำลังย่ำแย่ลงอย่างหนัก
อิยิปต์ และสหรัฐฯ ได้มีความพยายามในเจรจาเพื่อขอเปิดจุดผ่านแดนราฟาห์ เพื่อส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์และเวชภัณฑ์เข้าสู่ฉนวนกาซา เพื่อช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการอพยพชาวต่างชาติออกจากฉนวนกาซาด้วย
โดยสหรัฐฯ ได้มีการเจรจากับอิสราเอลถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ และมีท่าทีที่อิสราเอลน่าจะยอมรับในข้อตกลง เพื่อส่งความช่วยเหลือเข้าไปยังฉนวนกาซาบางส่วน อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องรอท่าทีที่ชัดเจนอีกครั้ง
เช่นเดียวกับนายจัสติน ทรูโด นายกฯ ของแคนาดา ได้เรียกร้องให้มีการเข้าถึงด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาและเส้นทางด้านมนุษยธรรมโดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ
ทางด้านของสหประชาชาติระบุว่า ชาวปาเลสไตน์กำลังเผชิญวิกฤติที่เลวร้ายจากการถูกปิดล้อมเบ็ดเสร็จ ตัดน้ำ-ไฟฟ้า-เชื้อเพลิง และอาหารกำลังร่อยหรอลงทุกขณะ สถานการณ์ในโรงพยาบาลของฉนวนกาซากำลังเผชิญกับผู้เสียชีวิตที่พุ่งสูงมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ จากการขาดการสนับสนุน ไม่มีเวชภัณฑ์ ท่ามกลางผู้บาดเจ็บที่เพิ่มสูงขึ้นจากการโจมตี
คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ไอซีอาร์ซี (International Committee of the Red Cross – ICRC) ระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซากำลังเข้าสู่ภาวะ “หายนะ” และผู้คนจะแย่งชิงสิ่งจำเป็นพื้นฐาน ทั้งน้ำ อาหาร ทามกลางซากปรักหักพักในวงล้อมของอิสราเอล
ด้านผู้นำสกอตแลนด์ ระบุว่า พ่อและแม่ของภรรยาของตนเองที่ยังคงติดอยู่ในฉนวนกาซา กำลังเผชิญกับการขาดแคลนน้ำ-อาหารอย่างหนัก และอาจจะเสียชีวิตในเร็ว ๆ นี้ โดยทั้งคู่ต้องประทังชีวิตด้วยไข่ตัมวันละฟองเท่านั้น ซึ่งนายฮัมซา ยูซาฟ ผู้นําสกอตแลนด์ ยังคงระบุว่า อิสราเอลมีสิทธิในการป้องกันตนเอง แต่การลงโทษแบบเหมารวมนั้นเป็นเรื่องที่ผิด และตำหนิไปยังรัฐบาลอังกฤษที่สนับสนุนให้มีการปฏิบัติการดังกล่าวด้วย