คัดลอก URL แล้ว
DAY 10 : จับตาแนวปะทะใหม่ อิสราเอล – เลบานอน / เตรียมหยุดยิงชั่วคราว

DAY 10 : จับตาแนวปะทะใหม่ อิสราเอล – เลบานอน / เตรียมหยุดยิงชั่วคราว

เข้าสู่วันที่ 10 ของการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส หลังจากกลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอลในช่วงเช้าวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา สถานการณ์ในรอบ 24 ชม. ที่ผ่านมา ยังคงมีการโจมตีไปยังฉนวนกาซา รวมถึงมีการยิงจรวดโจมตีหลายจุดในอิสราเอลด้วย ส่วนทางด้านของตอนเหนือของอิสราเอลส่อแววดุเดือดมากขึ้น เมื่อมีการปะทะกันเพิ่มขึ้นด้วยตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา

อิสราเอลยังคงโจมตีต่อเนื่อง

ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา อิสราเอลยังคงมีการโจมตีทางอากาศไปยังฉนวนกาซาอยู่เป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะในช่วงดึกที่ผ่านมา มีการโจมตีอย่างหนักหลายเมืองทางตอนเหนือของฉนวนกาซา รวมไปถึงเมืองข่าน ยูนิส ที่อยู่ทางตอนใต้ด้วย รวมมากกว่า 200 จุด

อิสราเอลยังได้ขยับกองกำลังเข้าประชิดแนวรั้วของฉนวนกาซา ร่วมกับการเสริมกำลังทหารและรถถังไปยังจุดต่าง ๆ ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่า เป็นการเตรียมพร้อมในการบุกฉนวนกาซาที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งอิสราเอลระบุว่า มีตัวประกันอย่างน้อยราว 150 รายที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในฉนวนกาซา

กองทัพอิสราเอลยังคงส่งสัญญาณถึงความพร้อมในการบุกภาคพื้นดินเข้าไปยังฉนวนกาซา ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (ตามเวลาในประเทศไทย) มีรายงานการยิงพลุแฟลร์ และ ระเบิดควันในหลายพื้นที่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา ทำให้หลายฝ่ายกำลังจับตาถึงการบุกภาคพื้นดินเข้าสู่ฉนวนกาซา

ทางอิสราเอลยังรายงานว่า ในขณะนี้สามารถจับกุมและควบคุมตัวกองกำลังฮามาสได้ราว 200 คนที่แฝงตัวอยู่ในเขตเวสต์แบงก์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา

กลุ่มฮามาสยังคงมีการยิงจรวดออกมาจากฉนวนกาซา

แม้ว่า อิสราเอลจะมีการโจมตีทางอากาศอย่างหนักในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่กลุ่มฮามาสยังคงมีการยิงจรวดกลับออกมาโจมตีหลายจุดของอิสราเอล และทางฮามาสยังคงระบุว่า กองกำลังของฮามาสยังคงปักหลักอยู่ในเมือง พร้อมเตรียมรับการบุกของอิสราเอล โดยไม่กลัวคำกล่าวอ้างที่ทางการอิสราเอลระบุว่า จะกวาดล้างกองกำลังฮามาสทุกคนในแนวนกาซา

ทางด้านของเขตเวสต์แบงก์ยังคงมีการปะทะกันเล็ก ๆ ในหลายจุดด้วยกัน จากการเข้าควบคุมพื้นที่ของกองทัพอิสราเอล ส่งผลให้มีการปะทะกันอยู่เป็นระยะ ๆ

เตรียมหยุดยิงชั่วคราว

ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้นมีรายงานจากทั้งฝ่ายของอิสราเอล และฮามาสที่ระบุว่า อาจจะมีการหยุดยิงชั่วคราวในวันนี้ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นเวลาราว 5 ชั่วโมง (ตามเวลาในอิสราเอล)

โดยการหยุดยิงชั่วคราวนั้น จะเพื่อจะมีการอพยพชาวต่างชาติออกจากฉนวนกาซา และมีการขนส่งของช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปยังฉนวนกาซา ผ่านจุดผ่านแดนราฟาห์ ที่เป็นจุดเชื่อมต่อเดียวระหว่างฉนวนกาซา และอิยิปต์

ซึ่งในขณะนี้ ชาวอเมริกันและชาวต่างชาติอื่น ๆ ที่อยู่ในฉนวนกาซาได้เดินทางมาเตรียมพร้อมที่จะอพยพออกจากฉนวนกาซาแล้ว โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที

แผนของการอพยพชาวอเมริกันที่อยู่ทางตอนเหนือของอิสราเอลนั้น มีการนัดจุดอพยพที่บริเวณท่าเรือไฮฟา ก่อนจะขึ้นเรือมุ่งหน้าไปยังประเทศไซปรัสต่อไป

เสียชีวิตรวมกว่า 4 พันรายแล้ว

สถานการณ์การสู้รบที่เกิดขึ้นส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยทางด้านของอิสราเอลรายงานยอดผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,400 ราย ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาอยู่ที่กว่า 2,670 รายแล้ว และมีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 9,600 คน

ทางด้านของเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ของสหประชาชาติระบุว่า น้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้สำหรับโรงพยาบาลในฉนวนกาซากำลังจะหมดลง และเป็น 24 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนที่โรงพยาบาลจะไม่สามารถให้บริการต่อไปได้ เนื่องจากไม่มีไฟ้ฟ้า น้ำ รวมถึงเวชภัณฑ์จำเป็น และจะทำให้ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งสูงขึ้นอีก

หวั่นสงครามขยายตัว

สถานการณ์ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสกำลังทวีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น หลังกลุ่มฮิซบุลลอห์เปิดฉากโจมตีต่ออิสราเอลทางตอนเหนือมากยิ่งขึ้น ทำให้อิสราเอลมีการยิงปืนใหญ่โจมตีไปยังที่ตั้งของกลุ่มฮิซบุลลอห์ที่อยู่ในเลบานอน อยู่เป็นระยะ ๆ ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

และจากการปะทะกันมากขึ้น ทำให้อิสราเอลประกาศพื้นที่ควบคุมบริเวณพรมแดนอิสราเอล – เลบานอน เพิ่มเติม ในระยะ 4 กม. จากแนวพรมแดนเป็นพื้นที่ห้ามเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต และให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ออกมาอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย

แนวโน้มการปะทะกันของทั้งสองฝ่ายเริ่มถี่ขึ้น และรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในเลบานอน ระบุว่า สำนักงานแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเลบานอน ถูกโจมตี โชคดีที่ยังไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ และกำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่า เป็นการโจมตีของฝ่ายใด

ในขณะที่อิหร่านได้ออกมาแสดงท่าทีที่ไม่พอใจมากยิ่งขึ้น และเตือนอิสราเอลว่า หากมีการส่งกำลังทหารบุกเข้าไปในฉนวนกาซา อิหร่านก็คงไม่อาจจะเป็นเพียงผู้ชนที่อยู่ข้างสนามได้

การประท้วงและความเกลียดชังขยายตัว

การประท้วงเรียกร้องให้มีการปลดปล่อยชาวปาเลสไตน์ในหลายประเทศเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่กรุงริโอเดอจาเนโร มีผู้ออกมาร่วมเดินขบวนสนับสนุนชาวปาเลสไตน์และเรียกร้องให้มีการปลดปล่อยชาวปาเลสไตน์ รวมถึงประณามการปิดล้อมของอิสราเอลด้วย

ในกรุงอิสตันบูลของตุรกี มีผู้ชุมนุมจำนวนมากออกมาประณามการปิดล้อมและโจมตีของอิสราเอล รวมถึงประธานาธิบดีของตุรกียังระบุว่า สิ่งที่อิสราเอลกำลังทำอยู่นั้น เหมือนกับการสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์ในฉนวนกาซาตามอำเภอใจ

ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ของเนเธอร์แลนด์ มีผู้ออกมาร่วมชุมนุมประท้วงต่อการกระทำของอิสราเอลว่า เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ รวมถึงประณามผู้นำชาติยุโรปที่ยังคงนิ่งเงียบกับการกระทำดังกล่าวด้วย

การประท้วงยังเกิดขึ้นในอีกหลายประเทศเช่น สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, สวิตเซอร์แลนด์, คิวบา, อินโดนีเซีย, อิรัก, อิหร่าน, ไอร์แลนด์, คูเวต, โมร็อกโก, มาเลเซีย, มัลดีฟส์, นอร์เวย์, โอมาน, กาตาร์, รัสเซีย, ซีเรีย, แอฟริกาใต้ รวมถึงในอีกหลายเมืองของสหรัฐฯ ด้วย

ในขณะที่สหรัฐฯ มีเหตุชายวัย 71 ปี ใช้มีทำร้ายเด็กชายวัย 6 ขวบลูกครึ่งปาเลสไตน์-อเมริกันเสียชีวิต ส่วนแม่ของเหยื่อผู้เคราะห์รายนั้น บาดเจ็บสาหัส ซึ่งเหยื่อทั้งสองรายเป็นชาวมุสลิม จนท.ระบุว่า สาเหตุน่าจะมาจากความเชื่อและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทำให้ชายสูงอายุก่อเหตุสลดในครั้งนี้ขึ้น

นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เรียกร้องให้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันที่จับกุมไว้อย่างไม่มีเงื่อนไข และเรียกร้องให้อิสราเอลผ่อนคลายการปิดล้อมโดยอนุญาติให้มีการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวปาเลสไตน์ในแนวนกาซา

(Photo by Yasser Qudih/Xinhua)

หลายชาติติง อิสราเอลกำลังล้ำเส้น

จากการปิดล้อมเบ็ดเสร็จต่อฉนวนกาซา รวมถึงการตัดน้ำ ไฟฟ้า เชื้อเพลิง รวมถึงอาหาร ทำให้หลายชาติเริ่มออกมาส่งเสียงเตือนต่ออิสราเอลมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่ากลุ่มฮามาสจะเป็นผู้เปิดฉากโจมตีอิสราเอลก่อนก็ตาม ซึ่งอิสราเอลมีสิทธิในการตอบโต้ และป้องกันตนเอง

แต่การปิดล้อม ตัดน้ำ-ไฟฟ้า-เชื้อเพลิง รวมถึงการโจมตีอย่างหนักและการบังคับย้ายถิ่นฐานของชาวปาเลสไตน์ในอิสราเอลกำลังเกิดขอบเขตของการปกป้องตนเอง ทำให้หลายชาติส่งสัญญาณเตือนไปยังอิสราเอลในเรื่องดังกล่าว

ซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ ด้วย โดยประธานาธิบดี โจ ไบเดนของสหรัฐฯ ได้กล่าวในรายการ CBS News 60 Minutes ว่า การเข้ายึดครองฉนวนกาซาจะกลายเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของอิสราเอล เนื่องจากกลุ่มฮามาส ไม่ใช่ตัวแทนทั้งหมดของชาวปาเลสไตน์ และอิสราเอลควรเปิดเส้นทางการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ฉนวนกาซา ซึ่งหวังว่า อิสราเอลจะปฏิบัติตามกติกา

ทางด้านของ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ก็ได้เรียกร้องให้มีการเปิดเส้นทางด้านมนุษยธรรม เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ถูกปิดล้อมอยู่ในฉนวนกาซา พลเรือนทั้งเด็ก ผู้หญิง คนป่วย รวมถึงผู้สูงอายุ ต้องไม่ตกเป็นเหยื่อของความขัดแย้ง

ทางด้านของประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส แห่งปาเลสไตน์ ได้ออกมากล่าวว่า การกระทำและแนวทางของกลุ่มฮามาสนั้น ไม่ได้เป็นตัวแทนชาวปาเลสไตน์ทั้งหมด

(Photo by Yasser Qudih/Xinhua)

อาจเปิดจุดผ่านเดนราฟาห์ ให้ต่างชาติ

ในขณะนี้ จุดผ่านแดนราฟาห์ ระหว่างฉนวนกาซาและอิยิปต์ยังคงปิดอยู่ในขณะนี้ ทำให้ยังคงไม่มีผู้ใดเข้าหรือออกจากฉนวนกาซาได้ รวมถึงขบวนรถขนสิ่งของช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมด้วย

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวที่ยังไม่ยืนยันว่า อาจจะมีการเปิดจุดดังกล่าว เพื่อให้ชาวต่างชาติที่อยู่ในฉนวนกาซาได้ผ่านจุดนี้เพื่อหนีภัยออกมา แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่า ชาวปาเลสไตน์นั้นจะได้รับอนุญาตให้ผ่านแดนออกมาได้หรือไม่

สหประชาชาติคาดว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์กว่า 1 ล้านคนไม่มีที่อยู่อาศัยและต้องอพยพหนีภัยสงคราม

จีน-ซาอุฯ ต่อสายหารือความขัดแย้งปาเลสไตน์-อิสราเอล

หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮาน อัล ซาอุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย เพื่อหารือประเด็นความขัดแย้งปาเลสไตน์-อิสราเอล

หวัง ซึ่งยังเป็นกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ระบุว่าทุกฝ่ายควรละเว้นจากการกระทำใดๆ อันจะยกระดับสถานการณ์ความขัดแย้ง และควรหันหน้ากลับสู่โต๊ะเจรจาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ทั้งนี้ จีนคัดค้านและประณามทุกการกระทำอันเป็นภัยอันตรายต่อพลเรือน เนื่องจากละเมิดจิตสำนึกพื้นฐานของมนุษย์และบรรทัดฐานพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

จีนอยู่ระหว่างการสื่อสารกับทุกฝ่ายอย่างจริงจังเพื่อผลักดันการหยุดยิงและยุติการสู้รบ โดยพันธกิจสำคัญคือการรับรองความปลอดภัยของพลเรือน เปิดระเบียงมนุษยธรรมเพื่อจัดส่งความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด และปกป้องความต้องการขั้นพื้นฐานของประชาชนในกาซา

หวังเสริมว่าจีนพร้อมทำงานร่วมกับซาอุดีอาระเบียและประเทศอาหรับอื่นๆ เพื่อเดินหน้าสนับสนุนการฟื้นฟูสิทธิระดับชาติโดยมีเหตุอันควรของชาวปาเลสไตน์ และนำปัญหาปาเลสไตน์กลับสู่ทิศทางที่ถูกต้องของแนวทางแก้ไขแบบสองรัฐ เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างรอบด้าน ยุติธรรม และถาวร


ข่าวที่เกี่ยวข้อง