สถานการณ์ในฉนวนกาซา-อิสราเอลยังคงดุเดือดตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และยิ่งส่อแววจะดุเดือดมากขึ้น หลังจากที่อิสราเอลประกาศให้ประชาชนในแนวกาซาที่อยู่ทางในเมือง นอร์ทกาซา, กาซาซิตี้ กว่า 1.1 ล้านคน ทำการอพยพลงมาอยู่ทางทิศใต้ของแม่น้ำกาซา โดยขีดเส้นตาย 24 ชั่วโมง
…
อิสราเอลเดินหน้าต่อ! โจมตีเป้าหมายในฉนวนกาซา, เลบานอน
ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา อิสราเอลยังคงเดินหน้าโจมตีเป้าหมายหลายแห่งในฉนวนกาซา และทางตอนใต้ของเลบานอน เพื่อตอบโต้การโจมตีที่เกิดขึ้นของทั้งกลุ่มฮามาสและกลุ่มฮิซบุลลอห์
โดยการโจมตีเข้าไปยังฉนวนกาซายังคงเป็นการใช้การโจมตีทางอากาศเป็นกำลังหลัก และมีรายงานว่า กองทัพอิสราเอลได้มีการส่งกองกำลังปฏิบัติการพิเศษขนาดเล็ก แทรกซึมเข้าไปในฉนวนกาซา เพื่อรวบรวมข้อมูล ที่ตั้งของตัวประกันที่ถูกจับกุมตัวไว้ ซึ่งคาดว่า มีตัวประกันอย่างน้อย 120 คนที่ถูกจับกุมตัวอยู่ในฉนวนกาซา
กองทัพอิสราเอล ยืนยันว่า จะเดินหน้าเปิดการโจมตีทางภาคพื้นดินในฉนวนกาซา เพื่อเป้าหมายในการรวบรวบ ค้นหาผู้ที่สูญหายจากชายแดนของอิสราเอลที่เชื่อว่า ถูกกลุ่มฮามาสจับกุมตัวไป และเป้าหมายที่สอง เพื่อทำลายขีดความสามารถของกลุ่มฮามาสให้หมดไป
ด้านนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ยังคงกล่าวย้ำว่า
“เรากำลังโจมตีศัตรูของเราในระดับที่ไม่เคยทำมาก่อน และสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น”
ในขณะที่ทางตอนใต้ของเลบานอน กองทัพอิสราเอลได้ยิงปืนใหญ่ โจมตีไปยังที่มั่นของกลุ่มฮิซบุลลอห์ ภายหลังจากมีการยิงจรวดออกมาโจมตีอิสราเอล ซึ่งผลจากยิงตอบโต้ของกองทัพอิสราเอล ทำให้มีนักข่าวของรอยเตอร์เสียชีวิตหนึ่งราย และบาดเจ็บอีก 6 ราย และมีนักข่าวของอัลจาซีราได้รับบาดเจ็บอีกสองราย
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า กองทัพเรือของอิสราเอลได้มีการโจมตีพื้นที่บริเวณแนวชายฝั่งของฉนวนกาซาด้วย ในช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมา
…
ฮามาสตอบโต้หนักขึ้น
ภายหลังจากที่อิสราเอลได้ประกาศเส้นตาย 24 ชั่วโมงให้อพยพ กลุ่มฮามาสได้เปิดฉากการโจมตีด้วยจรวดออกมาจากฉนวนกาซา จำนวนหลายจุดด้วยกัน
กลุ่มฮามาสได้ประกาศปักหลักจะต่อสู้กับกองทัพอิสราเอล โดยยืนยันว่า จะไม่อพยพออกจากพื้นที่ตามที่อิสราเอลประกาศ ซึ่งทำให้นึกถึงการอพยพครั้งใหญ่ของชาวปาเลสไตน์เมื่อปี 1948
“เราจะต่อต้านความพยายามในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ อันเป็นสิ่งที่พวกไซออนนิสต์ทำอยู่อย่างไร้มนุษยธรรม เราจะปักหลักสู้ตาย”
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในฉนวนกาซาเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากการถูกตัดน้ำ ตัดไฟฟ้า และน้ำมันเชื้อเพลิง ส่งผลให้การใช้ชีวิตทำได้ยากขึ้น อาหารที่มีเริ่มขาดแคลน โดยเฉพาะหลังไฟฟ้าถูกตัด ทำให้ไม่สามารถเก็บรักษาอาหารไว้ได้
การขาดแคลนน้ำ ส่งผลให้ระบบสาธารณสุขต่าง ๆ ไม่สามารถทำได้ และเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาด
กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์กล่าวว่า กองกำลังอิสราเอลกำลังมุ่งเป้าโจมตีไปยังระบบสาธารณสุขของปาเลสไตน์ ส่งผลให้มีสถานพยาบาลอย่างน้อย 15 แห่งได้รับความเสียหาย รถพยาบาลอีก 23 คน รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ เช่นหมอ และพยาบาลเสียชีวิต
ในขณะที่การยิงปะทะกันส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่เขตเวสต์แบงก์ แม้ว่า จะไม่ใช่การปะทะรุนแรง แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
…
ฮิซบุลลอห์ เริ่มปะทุหนักขึ้น
ทางตอนเหนือของอิสราเอลที่ติดกับเลบานอน สถานการณ์เริ่มตึงเครียดมากขึ้น หลังจากที่กลุ่มฮิซบุลลอห์ ได้เริ่มเคลื่อนไหวมากยิ่งขึ้น มีการยิงจรวดโจมตีข้ามมาในพื้นที่ของอิสราเอลมากขึ้น ทำให้อิสราเอลก็ได้มีการยิงปืนใหญ่ตอบโต้กลับไป
ประชาชนชาวเลบานอนในพื้นที่ใกล้เคียงเริ่มทำการอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ว เนื่องจากไม่มั่นใจในสถานการณ์ที่อาจจะลุกลามมากยิ่งขึ้น
ซึ่งเลบานอนและซีเรีย ยังคงอยู่ในสถานะสงครามกับอิสราเอล มีเพียงจอร์แดนและอิยิปต์เท่านั้นที่อยู่ในระดับที่เป็นมิตรกับอิสราเอล
…
ผู้เสียชีวิตพุ่งต่อเนื่อง
ยอดผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซา หลังถูกโจมตีอย่างหนักทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1,900 ราย ผู้บาดเจ็บ 7,696 คน ส่วนในเขตเวสต์แบงก์ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 49 ราย
ชาวปาเลสไตน์จำนวน 70 รายที่เสียชีวิตระหว่างการอพยพออกจากฉนวนกาซา จากการโจมตีของกองทัพอิสราเอล
ทางด้านของฮิวแมนไรตส์วอตช์ได้ออกมายืนยันว่า กองทัพอิสราเอลได้มีการใช้ฟอสฟอรัสขาวในฉนวนกาซาและเลบานอนจริง โดยยิงระเบิดฟอสฟอรัสขาวด้วยปืนใหญ่ 155 มม. ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ผิดอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้อาวุธสงครามบางชนิด ซึ่งห้ามการใช้ฟอสฟอรัสขาวโจมตีในพื้นที่ใกล้กับพลเรือน เหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2008-2009 ที่อิสราเอลใช้ฟอสฟอรัสขาวโจมตีฉนวนกาซา
อย่างไรก็ตาม กองทัพอิสราเอลได้ออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้ใช้ฟอสฟอรัสขาว โดยระบุเพียงว่า กองทัพอิสราเอลไม่ได้ใช้ระเบิดชนิดดังกล่าว นอกจากนี้ อิสราเอลไม่ได้ลงนามในอนุสัญญาดังกล่าว
…
WHO ระบุ เป็นไปไม่ได้ที่จะอพยพคนทั้งหมด
ภายหลังจากมีการประกาศให้พลเรือนในฉนวนกาซาทางตอนเหนืออพยพ โดยให้เวลา 24 ชั่วโมง สำหรับการเคลื่อนย้ายลงไปยังตอนใต้ของแม่น้ำกาซา องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า การอพยพผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายร้อยคนออกจากโรงพยาบาลทางตอนเหนือของฉนวนกาซาเป็นไปไม่ได้
นอกจากนี้ การขนส่งที่ไม่สามารถทำได้จากสภาพถนนที่เสียหายจากการโจมตี ไม่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิต หรือเวชภัณฑ์ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหนักเหล่านี้ จึงไม่ต่างจากการสังหารผู้ป่วย
ทางด้านของนายฮัมซา ยูซาฟ รมต. กระทรวงการต่างของสกอตแลนด์ ได้โพสต์คลิปวิดีโอลงบนเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) ส่วนตัว ซึ่งเป็นวิดีโอของนางเอลิซาเบธ เอล-นาคลา อดีตพยาบาลเกษียณอายุ แม่ยายของนายฮัมซา ยูซาฟ เป็นหนึ่งในผู้ที่ติดอยู่ในดินแดนปาเลสไตน์ของฉนวนกาซา แม้ว่าจะได้รับคำสั่งให้อพยพ แต่ก็ไม่สามารถเดินทางออกไปไหนได้
โดยในขณะนี้ มีพลเรือนชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนกำลังอพยพลงไปอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำกาซา ตามคำประกาศของอิสราเอลแล้ว
ทางด้านของแผนการอพยพพลเรือนออกจากฉนวนกาซานั้น ยังคงไม่ชัดเจนว่า จะเกิดขึ้นเมื่อใด โดยมีความพยายามในการเจรจาเพื่อเปิดเส้นทางอพยพบริเวณจุดผ่านแดนราฟาห์ ที่ติดกับประเทศอิยิปต์ แม้จะมีความพยายามในการเร่งเจรจา แต่ก็ยังหาข้อยุติไม่ได้ในขณะนี้ว่า จะมีการเปิดเส้นทางอพยพดังกล่าวหรือไม่ และจะเปิดให้ชาวปาเลสไตน์ทั้งหมด หรือเปิดเฉพาะชาวต่างชาติที่อยู่ในฉนวนกาซาเท่านั้น
…
นานาชาติยังเสียงแตก
การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลไปยังฉนวนกาซาอย่างหลักที่เกิดขึ้นตลอด 6 วันที่ผ่านมาทำให้หลายชาติแสดงท่าทีที่ไม่เห็นด้วย เนื่องจากมองว่า เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ โดยไม่แบ่งแยกกองกำลังติดอาวุธ กับ พลเรือนออกกัน
วาซิลี เนเบนซี เอกอัครราชทูตรัสเซียประจํายูเอ็น ระบุว่า เราไม่ควรเพิกเฉยต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อชาวปาเลสไตน์
ทางด้านของ ผอ. สภาความสัมพันธ์อเมริกัน-อิสลามิก (CAIR) ได้ตำหนิสหรัฐฯ ว่า การกระทำของสหรัฐฯ ในขณะนี้ ไม่ต่างจากการเปิดไฟเขียวให้มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งถือเป็นอาชญกรรมต่อมนุษย์ชาติ และยังได้เอ่ยถึงนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า
“คุณมีอำนาจที่จะสั่งให้หยุด และป้องกันการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไม่ให้เกิดขึ้นได้”
ซึ่งสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐฯ บางส่วนได้ลงชื่อ เพื่อเรียกร้องให้ทำเนียบขาวกดดันให้อิสราเอลปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ จากคำสั่งที่อิสราเอลกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งชาวปาเลสไตน์อพยพ, การปิดล้อมอย่างเบ็ดเสร็จ รวมถึงเรียกร้องให้เปิดการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาด้วย
ด้านนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ระบุว่า
“สิ่งที่อิสราเอลทำอยู่ในขณะนี้ ไม่ใช่การตอบโต้ แต่เป็นสิ่งที่กำลังทำเพื่อป้องกันชีวิตของประชาชนชาวอิสราเอล”
อย่างไรก็ตาม มีรายงานยืนยันว่า หน่วยสํารวจนาวิกโยธินที่ 26 ของสหรัฐฯ กว่า 2,000 นาย เตรียมพร้อมอยู่เรือจู่โจมสะเทินน้ําสะเทินบก USS Bataan รอคำสั่งปฏิบัติการ
ทางด้านของซาอุฯ ได้ออกมาประณามคำสั่งอพยพชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา รวมถึงการโจมตีไปยังพลเรือนที่ไร้การป้องกันโดยสิ้นเชิงของอิสราเอล พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาคมโลกเคลื่อนไหว เพื่อหยุดยั้งการยกระดับปฏิบัติการทางทหารที่อาจจะเกิดขึ้น และเร่งให้การช่วยเหลือพลเรือนในฉนวนกาซา
หลายประเทศมีชุมนุมสนับสนุนทั้งอิสราเอล – ปาเลสไตน์
ท่ามกลางกระแสการสู้รบที่เกิดขึ้นในอิสราเอลและฉนวนกาซาในขณะนี้ มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นประเด็นลุกลามเป็นวงกว้างมากขึ้น ในหลายประเทศมีการออกมาเดินขบวนเรียกร้องให้มีการปลดปล่อยชาวปาเลสไตน์มากยิ่งขึ้น
โดยที่ฝรั่งเศส ประชาชนที่สนับสนุนปาเลสไตน์ยังคงออกมารวมตัวเรียกร้อง แม้ว่า ทางรัฐบาลฝรั่งเศสจะสั่งห้ามการชุมนุมดังกล่าวแล้ว และได้มีการประกาศคำสั่งออกมาเพิ่มเติมว่า ผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่ง ออกมาเดินขบวนสนับสนุนกลุ่มฮามาส จะถูกจับกุมและมีโทษสูงสุดคือ จำคุก 5 ปี
ในขณะที่ญี่ปุ่น ได้มีกลุ่มเคลื่อนไหวออกมารวมตัวกันที่แยกชิบูย่า เพื่อแสดงออกในการสนับสนุนอิสราเอล
ส่วนทางด้านของจอร์แดน ซึ่งอยู่ติดกับอิสราเอล การชุมนุมสนับสนุนปาเลสไตน์และฮามาส ดูจะมีสถานการณ์ที่ค่อนข้างตึงเครียด หลังผู้คนจำนวนหลายพันคนออกมาชุมนุมเรียกร้องให้ยุติการโจมตีฉนวนกาซา และประณามอิสราเอล ก่อนที่จะเดินขบวนไปยังบริเวณพรมแดนอิสราเอล-จอร์แดน จนทำให้ตำรวจจอร์แดนต้องใช้แก๊สน้ำตา เข้าควบคุมพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามและมีการข้ามเข้าไปในดินแดนของอิสราเอล
เช่นเดียวกับในอิรัก ปากีสถาน รวมถึงหลายแห่งในยุโรป อย่างเช่น เดนมาร์ก, สเปน และสหรัฐฯ มีการออกมาชุมนุมเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการโจมตีไปยังฉนวนกาซา ซึ่งบางจุดมีกลุ่มผู้สนับสนุนอิสราเอลออกมาเดินสนับสนุนการโจมตี จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมาควบคุมสถานการณ์ไม่ให้มีเหตุปะทะรุนแรง