นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้สั่งการให้เพิ่มเจ้าหน้าที่เพื่อดูแล ช่วยเหลือคนไทย โดยได้ชี้แจงถึงการทำงานรัฐบาลซึ่งไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งการ เริ่มทำงานตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง โดยนายกรัฐมนตรีชี้แจง ดังนี้
สำหรับสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ดำเนินอยู่นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนคนไทย ในการเตรียมแผนอพยพคนไทยมีความคืบหน้าเพิ่มเติม 2 ทาง ดังนี้
ทางแรก กลับมาโดยสายการบินพาณิชย์ และทางที่สอง กลับโดยเครื่องบินกองทัพอากาศไปรับ ซึ่งแบ่งเป็น 3 ชุด
- อพยพออกมาพรุ่งนี้ถึงไทยวันที่ 12 ต.ค. 66 ประมาณ 15 คน ชุดแรกนี้เป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและแรงงานที่อพยพจากพื้นที่เสี่ยงภัย
- อพยพประมาณ 140 คน ออกจากไทยในวันที่ 14 ต.ค. 66 เป็นการส่งเครื่องบินกองทัพอากาศ Airbus A340 ไปรับ และจะไปถึงกรุงเทลอาวีฟ นครหลวงของอิสราเอลในวันที่ 15 เพื่อเตรียมพร้อมรับคนไทยกลับบ้านทันทีที่ได้รับอนุญาตจากทางการอิสราเอล
- ส่งคนไทยจำนวน 80 คนกลับทางเครื่องบินพาณิชย์ โดยจะถึงกรุงเทพฯในวันที่ 18 ต.ค. 66
ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามอพยพคนไทยกลับให้เร็วที่สุดโดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ในส่วนของผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการพูดคุยกับบรรดามิตรประเทศต่าง ๆ ตลอดจนองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง และอยากขอให้ความมั่นใจว่า เราได้ทำทุกทาง และจะพยายามอย่างสูงสุดเพื่อช่วยเหลือ โดยคำนึงถึงอิสรภาพของคนไทยที่ถูกจับตัวไปเป็นสำคัญที่สุด
โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปเสริมข้าราชการไปสนับสนุนข้าราชการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟในภารกิจช่วยเหลือพี่น้องชาวไทย
“ผมขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันเป็นกำลังใจให้ญาติ เพื่อน ของพี่น้องชาวไทยที่กำลังจะกลับมา และอยู่ในพื้นที่ รวมทั้งเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันปฏิบัติงาน อย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือดูแล คนไทยทุกคน”นายชัย กล่าว