นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการแต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หลังพรรคก้าวไกลเลือก นายชัยธวัช ตุลาธน เป็นหัวหน้าพรรคว่า ตามขั้นตอนพรรคก้าวไกลรวบรวมผลการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคส่งไปยัง กกต. จากนั้น กกต. จะแจ้งมายังสภาฯ สภาฯ ก็นำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้านโดยเร็วที่สุด
ส่วนข้อติดขัดเรื่องตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ที่ยังเป็นของพรรคก้าวไกลนั้น ประธานสภาฯ กล่าวว่า ก็อยู่ที่พรรคก้าวไกลและนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ที่ต้องดำเนินการ ดังนั้น คิดว่า พรรคก้าวไกลและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 จะทำให้ทุกอย่างเรียบร้อย
สำหรับกรณีกระแสข่าวพรรคก้าวไกล จะขับนายปดิพัทธ์ ออกจากพรรค เพื่อรักษาทั้ง 2 เก้าอี้ไว้ จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้น มองว่า เรื่องการวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่สภาฯ ก็ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับสภา ส่วนรัฐบาลจะรับได้หรือไม่ได้ ก็เป็นเรื่องของรัฐบาล พร้อมมองว่า นายปดิพัทธ์ ทำหน้าที่ได้ดีในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แต่การจะดำรงตำแหน่งต่อไปได้อย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับนายปฏิพัทธ์ และพรรคก้าวไกล
ขณะที่แนวทางการถูกขับออกไปอยู่พรรคเป็นธรรม ในฐานะประธานสภาฯ จะติดขัดอะไรหรือไม่นั้น นายวันมูหะมัดนอร์ ระบุว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ก็ปฏิบัติตาม
นายวันมูหะมัดนอร์ ยังกล่าวถึงการดำเนินคดีกรณีผิดจริยธรรม ของนางสาวพรรณิการ์ วานิช ไม่เป็นไปตามหลักสากลว่า เป็นเรื่องของประมวลจริยธรรม ที่อยู่ในรัฐธรรมนูญ ก็ปฏิบัติไปตามนั้น หากเป็นความบกพร่อง หรือต้องแก้ไข ก็ต้องแก้ไขที่รัฐธรรมเฉพาะส่วนที่ว่าด้วยประมวลจริยธรรม ซึ่งบังคับใช้ทั่วไป และหากจะแก้ให้กระบวนการจบในหน่วยงาน ไม่จำเป็นต้องไปสู่กระบวนการศาลนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ ย้ำว่า ก็ต้องไปแก้ที่รัฐธรรมนูญ
สำหรับการประชุมสภาฯ ในสัปดาห์นี้ ก็เป็นไปตามระเบียบวาระที่ได้เห็นชอบไปแล้ว ขณะเดียวกันกฎหมายที่จะเข้าสู่สภาฯ ทางสภาฯได้เห็นควรว่า ต้องเพิ่มวันประชุมในวันศุกร์ ซึ่งจะเริ่มในเดือนตุลาคม
นอกจากนี้ ประธานสภาฯ ยังกล่าวถึงการทำประชามติว่า เรื่องนี้ยังไม่ถึงสภาฯ เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องให้ความเห็นชอบว่าจะทำประชามติ และเมื่อทำประชามติแล้ว เมื่อถึงขั้นตอนแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะเข้าสู่กระบวนการของสภาฯ ต่อไป