จากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.8 แมกนีจูดในประเทศโมร็อกโกเมื่อกลางดึกคืนวานที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ใกล้กับเมืองมาร์ราเกซ เมืองใหญ่อันดับ 4 ของประเทศไปเพียง 72 กม.
เจ้าหน้าที่ได้เร่งให้การช่วยเหลือและค้นหาผู้บาดเจ็บที่ภายใต้ซากปรักหักพังของอาคารบ้านเรือน โดยในขณนี้ ทางการของโมร็อกโกรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2,012 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 2 พันราย โดยที่มีรายงานผู้ป่วยอาการหนักจำนวนถึง 1,404 ราย
เจ้าหน้าที่ระบุว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้กับจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหว ซึ่งมีสภาพเป็นเทือกเขา ส่งผลให้การเข้าไปช่วยเหลือทำได้ยาก
ด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หลังจากนี้ ยังคงอาจจะเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาได้อีกระยะ ทำให้ในคืนที่ผ่านมา ประชาชนจำนวนไม่น้อยเลือกออกมาพักอยู่บนถนนในเมือง เนื่องจากกังวลว่า อาจจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นและส่งผลให้ที่พักพังถล่มลงมาได้
ความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทางการโมร็อกโกได้ประกาศไว้ทุกข์ เพื่อแสดงอาลัยให้กับผู้สูญเสียในเหตุแผ่นดินไหวนี้ เป็นเวลา 3 วัน
เมืองมรดกโลกเสียหาย
บริเวณเมืองเก่าของเมืองมาร์ราเกซ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวในครั้งนี้ด้วย กำแพงและอาคารบางส่วนพังเสียหาย โดยเฉพาะบริเวณกำแพงสีแดงเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่เมื่อสมัยศตวรรษที่ 12
มัสยิด Koutoubia ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวหลักของเมืองได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวในครั้งนี้เช่นกัน แต่ยังคงไม่สามารถประเมินความเสียหายได้อย่างชัดเจน
ซึ่งเมืองมาร์ราเกซนี้ ถือเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ในภูมิภาค มีอายุยาวนานนับพันปี และมีนักท่องเที่ยวปีละเกือบ 3 ล้านคนที่มาเที่ยวในสถานที่ประวัติศาสตร์ในเมืองนี้
ส่วนมัสยิด Tinmal ในเทือกเขาแอตลาส ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโบราณสถานก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลังคาถล่มลงมาเสียหายทั้งหมด รวมถึงโครงสร้างผนังอาคารหลายจุด เนื่องจากอยู่ใกล้กับศูนย์กลางแผ่นดินไหว
หลายชาติเตรียมส่งความช่วยเหลือ
จากเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ถือเป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประเทศโมร็อกโก และสร้างความเสียหายมากกว่าเหตุที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทำให้นานาชาติได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเตรียมส่งความช่วยเหลือต่าง ๆ ไปยังโมร็อกโกแล้ว
ไม่ว่าจะเป็น ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ, ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส, สี จิ้นผิง ของจีน, นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย, นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย
ในขณะที่เยอรมนี ออสเตรีย อิสราเอล สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้เตรียมให้ความช่วยเหลือแก่โมร็อกโกแล้ว รวมถึงแอลจีเรีย ที่เคยประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับโมร็อกโก ก็ได้ประกาศเปิดน่านฟ้า ให้เครื่องบินสำหรับขนส่งความช่วยเหลือบินผ่าน เพื่อนำส่งความช่วยเหลือต่าง ๆ ไปยังโมร็อกโกแล้ว
ซึ่งในขณะนี้ ผู้ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังคงมีความต้องการอาหาร และที่พักอาศัยเป็นการชั่วคราว ซึ่งทางการของโมร็อกโกได้พยายามจัดหา และกระจายความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ประสบภัยแล้ว
แต่การจัดส่งในบางพื้นที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากบริเวณศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ใกล้กับเทือกเขา ถนนและเส้นทางหลายสายจึงถูกดิน หินถล่มลงมาปิดกั้นเส้นทางให้ความช่วยเหลือ